Skin Reborn (USA)

เลเซอร์ปลูกผิวใหม่ เลเซอร์ ชนิดนี้ ทำงานด้วยการปล่อยคลื่นแสงในช่วง 10,600 นาโนเมตร ลงสู่ใต้ผิวหนังด้วยจุดเล็กๆเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 0.07 mm.ต่อจุด ในปริมาณนับพันๆจุดต่อตารางเซนติเมตร ลงไปจุดปัญหาบนผิว

เมื่อแสงสัมผัสกับผิวจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำลายเซลล์เก่าที่ตายไป และจะถูกผลักให้ลอกหลุดภายใน 1 -2 สัปดาห์ พบกับผิวใหม่ที่เนียนใส ช่วยรักษารอยหลุมแผลเป็น และ ริ้วรอย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผิวเรียบเนียนยกกระชับหลังการรักษาครั้งแรก จะพบความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผิวทันที เรียบเนียนใส

เมื่อเซลล์ผิวใหม่ทดแทนเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพได้ประมาณ 10 -20 % ของพื้นที่ผิวทั้งหมด และถึงแม้จะหยุดการรักษาไปแล้ว 3-6 เดือน ผลการรักษาก็ยังจะดีขึ้นเรื่อยๆเนื่องจาก Collagen Remodeling Process ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

Skin Reborn ช่วยเรื่องอะไร?

  1. ริ้วรอยเหี่ยวย่น หลุมสิว
  2. ฝ้า จุดด่างดำ
  3. รอยแผลเป็นจากสิว รอยแผลเป็นจากการผ่าตัด
  4. รูขุมขนกว้าง

  5. ปัญหาผิวแตกลาย

ควรรักษาด้วย Skin Reborn บ่อยแค่ไหน ?

ควรทำการรักษาอย่างน้อย 3-5 ครั้ง ทุกๆ 4-6 สัปดาห์ หรือขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ผลการรักษาจะเห็นได้ชัดเจนหลังการรักษาครั้งที่ 2-3 ซึ่งมีเซลล์ผิวใหม่ ถูกสร้างขึ้นมาทดแทน 40-60%

แต่ผู้เข้ารับการรักษาจะสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผิวทันทีหลังการรักษาครั้งแรกผลการรักษาจะยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนยังคงดำเนิน ไปอย่างต่อเนื่อง

ขั้นตอนการรักษาด้วย Skin Reborn?

เริ่มจากการทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา จากนั้นทาครีมยาชาลงบน บริเวณที่จะทำการรักษาทิ้งไว้ 45 นาทีก่อนการทำการรักษา

ผลหลังการรักษาด้วย Skin Reborn?

หลังการรักษา คุณจะมีสีผิวอมชมพูคล้ายตากแดดจัดประมาณ 2-3 วัน ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ระหว่างนี้สามารถดูแลผิว และแต่งหน้าได้ตามปกติ หรือหากเป็นผู้ชายก็สามารถโกนหนวดได้ตามปกติ

เซลล์ผิวใหม่จะถูกสร้างขึ้น ทันทีภายใน 24 ชั่วโมง แต่ในระหว่างที่เซลล์ผิวเก่ายังม่ถูกผลัดให้ลอกหลุดออกไปนั้น ผิวหน้าจะมีสีเข้มขึ้น ซึ่งจะค่อยๆหลุดไปภายใน 7-10 วัน และจะมีเซลล์ผิวใหม่ที่สวยงาม และมีสุขภาพดีเกิดขึ้นมาแทนที่

การดูแลผิวหลังการรักษาด้วย Skin Reborn?

ทาครีมบำรุงผิวหรือโลชั่น เพื่อช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว โดยควรใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน เป็นประจำหลังทำการรักษา เพื่อปกป้องผิวจากการสัมผัสกับแสงแดดในช่วงการฟื้นฟูของผิวหนัง โดยค่า SPF ของครีมกันแดด ที่เหมาะสม จะต้องไม่น้อยกว่า 30 และควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด