การฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์ Variofill ช่วยแก้ปัญหาสะโพกบุ๋มและทำให้ขาดูยาวขึ้น

แบนเนอร์โปรโมชั่นสำหรับการฉีดฟิลเลอร์สะโพกด้วย Variofill ที่ KKC Clinic ด้านซ้ายแสดงภาพระยะใกล้ของบริเวณสะโพก พร้อมลูกศรที่ชี้ไปยังจุดที่ต้องการปรับปรุง

การฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์ ถือเป็นเทรนด์ความงามที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสะโพกบุ๋ม หรือที่เรียกกันว่า Hip Dip ซึ่งเป็นลักษณะของสะโพกที่มีการบุ๋มหรือบุบลงไปตรงบริเวณรอยต่อของกระดูกเชิงกรานและกระดูกขา ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “สะโพกบุ๋มเกิดจากอะไร?”  คำตอบคือ เกิดจากธรรมชาติของโครงสร้างร่างกายมนุษย์ ยิ่งกระดูกเชิงกรานกับกระดูกขาห่างกันเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเห็นรอยบุ๋มชัดมากเท่านั้น ทั้งนี้ แม้ว่าสะโพกบุ๋มจะเป็นลักษณะที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ ไม่ใช่สัญญาณความผิดปกติของสุขภาพใด ๆ

เนื่องจากสะโพกบุ๋มเป็นปัญหาที่เกิดจากโครงสร้างของกระดูก จึงไม่สามารถแก้ได้ด้วยการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายเพื่อลดไขมันจะทำได้เพียงทำให้สะโพกกลมสวยและได้สัดส่วน ไม่เห็นรอยบุ๋มชัดเจนมากจนเกินไปเท่านั้น ดังนั้น จึงมีหลายวิธีที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดสะโพกด้วยไขมัน การฉีดสะโพกด้วยซิลิโคนเหลว การผ่าตัดใส่ซิลิโคน รวมถึงการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์ Variofill ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากอย.ว่าให้ใช้สำหรับการฉีดสะโพกโดยเฉพาะ

ผลลัพธ์ที่ได้อาจขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

การฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์คืออะไร?

โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์สะโพก คือการใช้ฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มจาก Hyaluronic Acid (HA) ฉีดเข้าไปในบริเวณสะโพกและก้น เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสะโพกบุ๋ม สะโพกบุบ สะโพกไม่ผาย ไม่กลม ไม่โค้งสวย ไม่ได้สัดส่วน ไม่เป็นทรงที่ต้องการ รวมไปถึงสะโพกหย่อนคล้อย ทั้งนี้ ฟิลเลอร์ยังสามารถใช้ฉีดเพื่อแก้ปัญหาในผู้ที่มีก้นแบน ก้นบอด และก้นไม่เด้งได้ด้วย

นอกจากการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์จะช่วยแก้ปัญหาดังที่กล่าวมานี้แล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของการฉีดสะโพกที่ KKC Clinic คือจะช่วยทำให้ขาของคนไข้ดูไม่สั้น เพราะการฉีดสะโพกแล้วทำให้มีสะโพกที่ผายขึ้น ตั้งสูงขึ้น จะส่งผลให้เอวดูคอดกิ่วและขาดูยาวขึ้นทันที คนไข้จึงมีรูปร่างที่ดูเพรียวสวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ที่ KKC Clinic เราใช้ฟิลเลอร์ฉีดสะโพกที่มีชื่อว่า ‘Variofill’ โดย Variofill คือฟิลเลอร์ที่เป็น Hyaluronic Acid (HA) จากประเทศเยอรมนี สามารถสลายตัวได้เอง 100% ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้าง จึงมีความปลอดภัยสูง มีมาตรฐานระดับโลก ใช้กันอย่างแพร่หลายในระดับสากล ที่สำคัญคือ Variofill ยังเป็นฟิลเลอร์เพียงตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจากอย.ของประเทศไทย ให้เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับการฉีดสะโพกและก้นโดยเฉพาะ

ข้อดีของ Variofill คือเป็นฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง ทำให้เวลาฉีดสะโพกแล้วจะสามารถปั้นทรงได้สวย ฉีดแล้วไม่ไหลไปบริเวณอื่น อีกทั้งผลลัพธ์ภายหลังการฉีดยังสามารถอยู่ได้นานมากกว่า 2 ปี โดยมีงานวิจัยรับรองว่า 90% ของคนไข้ยังคงพึงพอใจในผลลัพธ์แม้ว่าเวลาจะผ่านไปถึง 2 ปีแล้วก็ตาม

ดังนั้น การฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์ Variofill ที่ KKC Clinic จะช่วยเติมให้คุณมีสะโพกผายออก เต็มขึ้น กลมสวย ได้สัดส่วน มีรูปทรงตามที่ต้องการอย่างเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น อีกทั้งผลลัพธ์คงอยู่ได้เป็นระยะเวลานาน และใน Variofill 1 กล่องจะบรรจุฟิลเลอร์ปริมาณมากถึง 10 cc ทำให้ใช้จำนวนไม่กี่กล่องก็เพียงพอสำหรับการฉีดสะโพก จึงมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการนำฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับฉีดใบหน้ามาฉีดสะโพกอย่างที่เคยทำกันในอดีต

ประโยชน์ของการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์ Variofill

การฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์ Variofill มีประโยชน์และข้อดี ดังนี้

  • ช่วยแก้ปัญหาสะโพกบุ๋ม สะโพกบุบ เติมสะโพกให้เต็มและเรียบขึ้น ยกขึ้น เป็นทรงสวยตามที่ต้องการ อีกทั้งยังดูมีมิติและได้สัดส่วน
  • ช่วยให้ก้นกลม เด้ง อิ่มฟู ดูกระชับและเต่งตึง
  • ช่วยให้สะโพกผายออกและตั้งสูงขึ้น ส่งผลให้เอวดูคอด และช่วงขาดูเรียวยาว รูปร่างจึงดูเพรียวมากขึ้น
  • สามารถเห็นผลลัพธ์และโชว์สะโพกได้ทันทีภายหลังจากที่ฉีดสะโพกเสร็จ
  • ผลลัพธ์คงอยู่เป็นระยะเวลานานมากกว่า 2 ปี แต่ไม่ถาวร ทำให้มีความปลอดภัยสูง และไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
  • เมื่อฟิลเลอร์สมานและกลืนตัวไปกับผิวดีแล้ว จะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • เป็นวิธีการเสริมสะโพกที่เจ็บตัวน้อย ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น เพราะไม่ใช่การผ่าตัด
  • Variofill เป็นฟิลเลอร์สำหรับฉีดสะโพกที่มีมาตรฐานและผ่านการรับรองจากอย.ทั้งในประเทศไทยและในระดับสากล ทำให้การฉีดสะโพกด้วย Variofill เป็นวิธีการเสริมสะโพกที่ปลอดภัยและได้รับความนิยม
  • Variofill เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับการฉีดสะโพกโดยเฉพาะ เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง สามารถปั้นทรงได้ตามต้องการ รวมถึงทนต่อการกดทับ คนไข้จึงสามารถนั่งได้ตามปกติภายหลังจากที่เข้ารับการฉีดสะโพกแล้ว
  • การฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์จะแตกต่างจากการฉีดไขมันสะโพก (Brazilian Butt Lift – BBL) ตรงที่ ไขมันที่เติมเข้าไปแล้วจะไม่สามารถติดอยู่ได้ทั้งหมด 100% เพราะไขมันจะเกิดการสลายตัว และต้องเจ็บตัวถึง 2 ครั้ง เพราะต้องใช้วิธีการดูดไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายออกมาก่อน แล้วค่อยเติมกลับเข้าไป
  • การฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและปลอดภัยมากกว่าการฉีดสะโพกด้วยซิลิโคนเหลวหรือสารเหลว ที่อาจเกิดการไหลไปยังจุดอื่น จับตัวเป็นก้อนแข็ง ทำให้ผิวห้อยย้อย และอาจก่อให้เกิดการอักเสบบวมแดงได้
  • การฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์จะเจ็บตัวน้อยกว่า บวมช้ำน้อยกว่า ใช้ระยะเวลาในการรักษาและพักฟื้นน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยการใส่ซิลิโคน อีกทั้งการผ่าตัดยังทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่า เนื่องจากแผลที่เปิดอยู่ใกล้กับบริเวณที่ใช้ในการขับถ่าย ที่สำคัญคือ การใส่ซิลิโคนอาจทำให้สัมผัสได้ถึงขอบซิลิโคนในผู้ที่มีผิวบาง เกิดเป็นความไม่เรียบเนียน หรือหากเสริมในขนาดที่ไม่เหมาะสมก็จะทำให้ดูขาดความเป็นธรรมชาติ ซึ่งหากต้องการเอาออก ก็จะต้องใช้วิธีการผ่าตัดอีกครั้ง
  • เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ที่ชอบใส่ชุดว่ายน้ำ ชุดรัดรูป ชุดออกกำลังกาย รวมถึงชุดที่โชว์ส่วนเว้าส่วนโค้ง โชว์สัดส่วน โดยเฉพาะช่วงสะโพก

ใครบ้างที่ควรฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์?

ผู้ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์สะโพก ได้แก่

  • ผู้ที่มีเนื้อบริเวณด้านข้างสะโพกน้อย มีสะโพกบุ๋ม สะโพกบุบ สะโพกไม่ผาย สะโพกไม่เรียบ สะโพกหย่อนคล้อย สะโพกไม่เท่ากัน ก้นแบน ก้นบอด ก้นไม่เด้ง ก้นไม่อิ่มฟู หรือดูแล้วสะโพกกับก้นไม่เป็นทรงสวย ไม่มีมิติ ไม่สมส่วน
  • ผู้ที่ชื่นชอบการใส่ชุดว่ายน้ำ ชุดรัดรูป ชุดออกกำลังกาย รวมถึงชุดที่โชว์ส่วนเว้าส่วนโค้ง โชว์สัดส่วน โดยเฉพาะช่วงสะโพก แล้วขาดความมั่นใจเพราะสะโพกและก้นไม่สวยตามที่ต้องการ
  • ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ภายหลังจากการฉีดสะโพกทันที
  • ผู้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์ภายหลังจากการฉีดสะโพกคงอยู่เป็นระยะเวลานาน
  • ผู้ที่ต้องการเสริมสะโพกด้วยวิธีการที่ปลอดภัย
  • ผู้ที่ไม่อยากแก้ปัญหาหรือเสริมสะโพกด้วยการฉีดไขมัน
  • ผู้ที่ไม่อยากแก้ปัญหาหรือเสริมสะโพกด้วยการฉีดซิลิโคนเหลวหรือสารเหลว
  • ผู้ที่ไม่อยากแก้ปัญหาหรือเสริมสะโพกด้วยผ่าตัดใส่ซิลิโคน
  • ผู้ที่ต้องการเสริมสะโพกแต่ไม่อยากใช้เวลาพักฟื้นนาน
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือปัญหาสุขภาพบางประการที่ทำให้ไม่สามารถเข้ารับการเสริมสะโพกด้วยวิธีการผ่าตัดใส่ซิลิโคนได้

ขั้นตอนการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์

ภายหลังจากที่เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์แล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์สะโพก ดังนี้

ผู้ป่วยที่ KKC Clinic กำลังนอนยิ้มอยู่บนเตียงรักษาและรับการให้สารทางหลอดเลือด พร้อมกับห่มผ้าห่มสีน้ำตาล

1. พยาบาลทำการเปิดเส้นเพื่อให้ยาฆ่าเชื้อเข้าทางสายน้ำเกลือ

มุมมองระยะใกล้ของสะโพกผู้ป่วยที่ KKC Clinic พร้อมกับกำลังวาดเส้นเครื่องหมายเตรียมความพร้อมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์สะโพก

2. แพทย์ออกแบบตำแหน่งและทำเครื่องหมายในจุดที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์เข้าไป

ผู้ป่วยที่ KKC Clinic กำลังนอนคว่ำในขณะที่พยาบาลทายาฆ่าเชื้อสีแดงบริเวณสะโพกเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์

3. คนไข้นอนคว่ำ จากนั้นผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณรอบ ๆ จุดที่จะฉีดฟิลเลอร์อย่างทั่วถึง

พยาบาลที่ KKC Clinic กำลังฉีดฟิลเลอร์บริเวณสะโพกของผู้ป่วยในระหว่างขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ ผู้ป่วยนอนคว่ำและคลุมด้วยผ้าปลอดเชื้อ

4. แพทย์ทำการฉีดยาชาเฉพาะที่ เพื่อลดความเจ็บปวดของคนไข้ขณะทำการฉีดฟิลเลอร์สะโพก ซึ่งในขั้นตอนนี้คนไข้อาจจะรู้สึกเจ็บและแสบเล็กน้อย

แพทย์ที่ KKC Clinic กำลังนวดบริเวณสะโพกของผู้ป่วยหลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว มีเส้นเครื่องหมายก่อนการรักษาปรากฏบนผิวหนังของผู้ป่วย และผู้ป่วยนอนคว่ำ

5. แพทย์ทำการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์ Variofill โดยใช้เข็มทู่ ตามจุดที่ได้ออกแบบและทำเครื่องหมายไว้

มุมมองระยะใกล้ของแพทย์ที่ KKC Clinic กำลังติดพลาสเตอร์ปิดแผลบริเวณสะโพกของผู้ป่วยหลังจากเสร็จสิ้นการฉีดฟิลเลอร์ ผู้ป่วยนอนคว่ำและคลุมด้วยผ้าปลอดเชื้อ

6. เมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว แพทย์จะทำการเย็บปิดแผลอย่างประณีต โดยรอยแผลจะมีความสวยงามและมีเพียงขนาดเล็ก ๆ เท่านั้น จากนั้นผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดผิวอีกครั้ง แล้วใช้พลาสเตอร์กันน้ำปิดบริเวณรอยรูเข็ม

วิธีการดูแลตนเองก่อนและหลังการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์

ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์สะโพก คนไข้ควรปฏิบัติตามวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดสะโพก และภายหลังจากที่ฉีดสะโพกเสร็จแล้ว คนไข้ควรปฏิบัติตัวตามวิธีการดูแลตนเองภายหลังเข้ารับการฉีดสะโพก ดังนี้

วิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดสะโพก

  • แจ้งข้อมูลสุขภาพของท่านกับแพทย์ เช่น โรคประจำตัว ยาที่แพ้ หรือยาที่รับประทานเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการฉีดสะโพก
  • งดเลเซอร์บริเวณก้นและสะโพกอย่างน้อย 3 วันก่อนเข้ารับการฉีดสะโพก
  • งดทานยา วิตามิน และอาหารเสริมบางชนิด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ใบแปะก๊วย วิตามินอี อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการฉีดสะโพก
  • งดทาครีมที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวบริเวณก้นและสะโพกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการฉีดสะโพก

วิธีการดูแลตนเองภายหลังเข้ารับการฉีดสะโพก

  • ภายหลังเข้ารับการฉีดสะโพก คนไข้อาจจะรู้สึกตึงและหน่วง รวมถึงอาจมีอาการบวมเล็กน้อยในช่วงบริเวณที่ได้รับการฉีดฟิลเลอร์เข้าไป ซึ่งอาการเหล่านี้จะดีขึ้นภายในระยะเวลา 1 – 2 วัน และหายไปภายในระยะเวลา 7 – 14 วัน  ทั้งนี้หากคนไข้รู้สึกว่ามีอาการตึงและหน่วงมาก ก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ห้ามนวด บีบ หรือเกา
  • หลีกเลี่ยงการให้แผลโดนน้ำเป็นระยะเวลาประมาณ 3 – 7 วัน หรือจนกว่าจะทำการตัดไหม 
  • งดออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงเป็นระยะเวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ โดยแนะนำให้ใช้วิธีการนอนคว่ำแทน
  • งดรับประทานอาหารดิบ อาหารหมักดอง และอาหารแสลง อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ภายหลังเข้ารับการฉีดสะโพก
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ ภายหลังเข้ารับการฉีดสะโพก
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศร้อนจัด รวมถึงงดทำกิจกรรมที่ต้องอยู่ในสถานที่ที่มีความร้อนสูง เช่น ซาวน่าหรือออนเซ็น
  • หลีกเลี่ยงการยิงเลเซอร์ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 1 เดือน

ระยะเวลาที่ใช้ในการพักฟื้นภายหลังการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์

โดยส่วนใหญ่แล้ว คนไข้ที่เข้ารับการฉีดฟิลเลอร์สะโพกที่ KKC Clinic จะไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น โดยจะสามารถนั่ง นอน เดิน และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องปฏิบัติตัวตามวิธีการดูแลตนเองที่กล่าวมาในข้างต้น เพื่อผลลัพธ์ของการฉีดสะโพกที่น่าพึงพอใจและคงอยู่ได้เป็นระยะเวลานาน รวมถึงเพื่อความปลอดภัย

ผลลัพธ์ภายหลังการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์

ภาพด้านหลังของสะโพกผู้ป่วยหลังจากได้รับการฉีดฟิลเลอร์สะโพกที่ KKC Clinic ผู้ป่วยสวมกางเกงชั้นในสีดำและมีพลาสเตอร์ปิดแผลเล็ก ๆ ที่สะโพกทั้งสองข้าง

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกจะให้ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรอยบุ๋มที่หายไป สะโพกที่ผายออก เต็มขึ้น ยกขึ้น ตั้งสูงขึ้น รวมถึงได้รูปทรงสวยตามที่ต้องการ ทั้งนี้ ภายหลังจากฉีดฟิลเลอร์สะโพกแล้ว อาจเกิดอาการบวม รวมถึงรู้สึกตึงและหน่วงในบริเวณที่ฉีดได้ โดยอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในระยะเวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ และจะสามารถเห็นผลลัพธ์ภายหลังการฉีดได้อย่างเต็มที่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน โดยผลลัพธ์ที่ได้จะคงอยู่เป็นระยะเวลามากกว่า 2 ปี หลังจากนั้นแนะนำให้คนไข้กลับมาเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์สะโพกซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ภายหลังการรักษาไว้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยผลข้างเคียงที่สามารถพบได้เป็นปกติคือ รู้สึกตึง ๆ หน่วง ๆ และเกิดอาการบวมในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เข้าไป ทั้งนี้ คนไข้อาจมีอาการอักเสบ เกิดผื่นแดง บวมมากผิดปกติ คัน มีเลือดออกหรือห้อเลือดในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเกิดจากการแพ้ฟิลเลอร์ หรืออาจเกิดเป็นก้อนแข็งหลังฉีดได้

เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตราย คนไข้จึงควรเข้ารับการฉีดสะโพกกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในคลินิกที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและใช้ฟิลเลอร์ Variofill ของแท้เท่านั้น รวมถึงควรปฏิบัติตัวตามวิธีการดูแลตนเองภายหลังเข้ารับการฉีดสะโพกอย่างเคร่งครัด และรีบไปพบแพทย์หากมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์ที่ KKC Clinic

ภาพโปรโมชั่นจาก KKC Clinic สำหรับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์สะโพกด้วย Variofill แสดงเข็มฉีดฟิลเลอร์วางบนกล่องผลิตภัณฑ์ พร้อมระบุราคา 35,000 บาทต่อ 1 กล่อง

ที่ KKC Clinic การฉีดฟิลเลอร์สะโพก Variofill 1 กล่อง มีราคา 35,000 บาท

คำถามที่พบบ่อย

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกเจ็บหรือไม่?

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกอาจทำให้คนไข้รู้สึกเจ็บและแสบเล็กน้อยในขั้นตอนการฉีดยาชา

ภายหลังจากการฉีดฟิลเลอร์สะโพก ต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนจึงจะเข้าที่?

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกจะเข้าที่และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้เต็มที่ภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์สะโพก โดยส่วนใหญ่แล้วคนไข้จะไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ผลลัพธ์ภายหลังจากการฉีดฟิลเลอร์สะโพกจะอยู่ได้นานแค่ไหน?

ผลลัพธ์ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์สะโพกสามารถอยู่ได้นานมากกว่า 2 ปี

ภายหลังจากการฉีดฟิลเลอร์สะโพก จะสามารถนั่งและเดินได้ตามปกติหรือไม่?

ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์สะโพก คนไข้สามารถนั่งและเดินได้ตามปกติ

ภายหลังจากการฉีดฟิลเลอร์สะโพก ควรจัดท่านอนอย่างไร?

ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์สะโพก ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงในระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์แรก โดยแนะนำให้คนไข้ใช้วิธีการนอนคว่ำแทน

ภายหลังจากการฉีดฟิลเลอร์สะโพก จะสามารถออกกำลังกายได้หรือไม่?

ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์สะโพก ควรงดออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง โดยเฉพาะการทำท่าออกกำลังกายที่ต้องขยับช่วงล่างมาก ๆ เช่น Squat, Glute Bridge, Leg Lunge ทั้งนี้ หากคนไข้มีข้อสงสัยเรื่องการออกกำลังกาย ก็สามารถสอบถามกับแพทย์ผู้ทำการรักษาได้

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกต้องใช้ปริมาณกี่ซีซี (cc)?

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกจะไม่สามารถประมาณจำนวนซีซี (cc) ที่ต้องใช้ได้ หากคนไข้ยังไม่ได้เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพราะคนไข้ในแต่ละคนก็มีลักษณะของสะโพกและก้น ปัญหาที่พบเจอ รวมถึงความต้องการหรือทรงของสะโพกและก้นที่ชอบแตกต่างกันไป ปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามความเหมาะสมของแพทย์

ฉีดฟิลเลอร์สะโพกที่ไหนดี?

การฉีดฟิลเลอร์สะโพก ควรฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์มาอย่างยาวนาน รวมถึงฉีดในคลินิกที่มีมาตรฐานผ่านการรับรอง และใช้แต่ฟิลเลอร์ Variofill ของแท้อย่างที่ KKC Clinic เท่านั้น เพื่อผลลัพธ์ภายหลังการรักษาที่น่าพึงพอใจและมีความปลอดภัย

การฉีดฟิลเลอร์สะโพกที่ KKC Clinic นอกจากจะให้ผลลัพธ์ในเรื่องของสะโพกที่ผายออก เต็มขึ้น ยกขึ้น และมีทรงสวยถูกใจแล้ว ยังช่วยให้คนไข้ดูมีเอวที่คอดลง มีช่วงขาที่ดูเรียวยาว และทำให้รูปร่างดูเพรียวสวยขึ้นอีกด้วย

สรุปเรื่องการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์

วิธีการเสริมสะโพกสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการฉีดไขมันสะโพก การฉีดสะโพกด้วยซิลิโคนเหลว รวมถึงการผ่าตัดใส่ซิลิโคน แต่วิธีการที่มีความปลอดภัยและได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือการฉีดสะโพกด้วยฟิลเลอร์ Variofill เพราะ Variofill เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับการฉีดสะโพกโดยเฉพาะ ผ่านการรับรองจากอย. จึงมีความปลอดภัยสูง ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจทันทีตั้งแต่ครั้งแรก และคงอยู่ได้เป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์สะโพกกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ KKC Clinic ยังจะช่วยทำให้คนไข้มีช่วงขาที่ดูเรียวยาวและรูปร่างที่ดูเพรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด