การดูดไขมันเหนียงที่ KKC Clinic: รูปหน้าเรียวสวย ด้วยเทคโนโลยี VASER

ไขมันส่วนเกินที่เหนียงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่คนที่มีน้ำหนักมากเท่านั้น โดยไขมันเหนียงคือสภาวะที่มีไขมันสะสมบริเวณใต้คางมากเกินไป ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม อายุ หรือสัดส่วนของร่างกายโดยรวม
ที่ KKC Clinic เราสามารถแก้ไขปัญหาไขมันเหนียงได้ โดยการดูดไขมันส่วนเกินด้วยเครื่อง VASER Smooth 2.2 ซึ่งทำโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มายาวนานกว่า 18 ปี ทำให้นอกจากการดูดไขมันเหนียงกับเราจะมีความปลอดภัยสูงแล้ว ยังเห็นได้ถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยการดูดไขมันเหนียงจะช่วยปรับรูปหน้าให้กระชับและเรียวมากยิ่งขึ้น
ผลลัพธ์ที่ได้อาจขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
การดูดไขมันด้วยวิธี VASER คืออะไร?
การดูดไขมันด้วยวิธี VASER คือขั้นตอนการดูดไขมันเพื่อปรับเปลี่ยนรูปร่าง โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างคลื่นอัลตราซาวด์ ยิงลงไปในบริเวณที่กำหนด เพื่อสลายเซลล์ไขมันในจุดที่เราต้องการ ทำให้ไขมันบริเวณนั้นถูกดูดออกจากร่างกายได้อย่างง่ายดาย
การดูดไขมันด้วยวิธีนี้ได้รับความนิยมมากกว่าวิธีการดูดไขมันแบบดั้งเดิม เพราะสามารถกำจัดเซลล์ไขมันออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณรอบจุดที่เราดูดไขมันถูกทำลาย ขณะทำมีความเจ็บปวดน้อยกว่าและร่างกายยังสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าด้วย
ข้อดีของการดูดไขมันเหนียง ด้วยวิธี VASER ที่ KKC Clinic
- ประสิทธิภาพสูง: โดยเฉพาะในการดูดไขมันบริเวณเหนียง เพราะจะสามารถดูดได้อย่างละเอียดและตรงจุด
- แผลมีขนาดเล็ก: แผลที่เปิดเพื่อดูดไขมันเหนียงจะมีขนาดไม่เกิน 1 ซม. และรอยแผลมักจะซ่อนอยู่ใต้เหนียงหรือหลังหู จึงแทบจะมองไม่เห็น
- มีความปลอดภัยมาก: เครื่อง VASER ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ ซึ่งจะช่วยลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง รวมถึงลดอาการปวดและบวมขณะที่ร่างกายกำลังฟื้นตัว
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย: ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเทคนิคในการรักษาของศัลยแพทย์ ทำให้ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยลง คุณจึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น
- ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน: ภายหลังการดูดไขมันเหนียง เซลล์ไขมันส่วนเกินจะถูกกำจัดออกไปถาวร
- กระชับผิว: การดูดไขมันเหนียงจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยให้ผิวดูกระชับและเฟิร์มมากขึ้น
การดูดไขมันเหนียง ที่ KKC Clinic เหมาะกับใคร?
การดูดไขมันเหนียงเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมมากบริเวณข้างแก้มและใต้คาง รวมถึงมีเหนียงหย่อนคล้อย เพราะการดูดไขมันเหนียงจะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน ปรับรูปหน้าให้เรียวและกระชับมากขึ้น ทั้งนี้ การดูดไขมันเหนียงเหมาะสำหรับคนที่มีอายุ 20 – 50 ปี (ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศัลยแพทย์) เพราะจะเป็นช่วงวัยที่ผิวหนังยังมีความยืดหยุ่นดี
ที่ KKC Clinic เรามีศัลยแพทย์คอยให้คำปรึกษาก่อนเข้ารับการดูดไขมันเหนียงโดยละเอียดแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้า สภาพผิว และประเมินปริมาณไขมันของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ เพื่อให้การดูดไขมันเหนียงได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับคุณ
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันเหนียงที่ KKC Clinic
ก่อนเข้ารับการดูดไขมันเหนียง คนไข้ควรเตรียมตัวดังนี้:
- งดทานยาและอาหารเสริม: ยาและอาหารเสริมบางชนิดจะส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และน้ำมันตับปลา จึงควรงดทานอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการดูดไขมันเหนียง เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำและเลือดออกในภายหลัง
- งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: งดการสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการรักษา เพราะจะทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้ช้าลงและอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนภายหลังการดูดไขมันเหนียง
- การแต่งกาย: ในวันที่เข้ารับการดูดไขมันเหนียง คนไข้ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย รวมถึงเลือกชุดแบบที่มีซิปหรือกระดุมด้านหน้า (ไม่ต้องถอดออกผ่านทางศีรษะ)
- พาผู้ติดตามมาด้วย: ภายหลังการดูดไขมันเหนียง คุณจะไม่สามารถขับรถได้ จึงควรพาผู้ติดตามมาด้วยเพื่อความสะดวกในการเดินทางกลับ
- มาถึงก่อนเวลานัดหมาย: ควรมาถึงก่อนเวลานัดหมาย เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้ารับการดูดไขมันเหนียง
ขั้นตอนการดูดไขมันเหนียงที่ KKC Clinic
- ฉีดยาชา: ศัลยแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน
- การเปิดแผล: เปิดแผลเล็ก ๆ ขนาดไม่เกิน 1 ซม. บริเวณที่จะดูดไขมันเหนียง โดยแผลมักจะถูกซ่อนอยู่ใต้เหนียงหรือหลังหู จึงแทบจะมองไม่เห็น
- ทำให้ไขมันแตกตัว: หัวเครื่อง VASER ขนาดเล็กจะปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์แทรกผ่านแผลที่ถูกเปิดไว้ คลื่นอัลตราซาวด์จะทำให้เซลล์ไขมันแตกตัว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบ ๆ เมื่อไขมันเหลวมากขึ้นก็จะถูกดูดออกมาได้ง่ายขึ้น
- การดูดไขมัน: ไขมันที่เหลวแล้วจะถูกดูดออกจากร่างกายโดยเข็มดูดคานูล่า ซึ่งมีความแม่นยำเป็นอย่างมาก สามารถดูดไขมันบริเวณเหนียงและกรามออกมาได้อย่างละเอียด
- การปิดแผล: หลังจากดูดไขมันเหนียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการเย็บปิดแผลอย่างประณีต เพื่อให้รอยแผลมีขนาดเล็กที่สุด ลดความเสี่ยงในการอักเสบและบวม
การฟื้นตัวและผลลัพธ์ภายหลังการดูดไขมันเหนียง
ภายหลังการดูดไขมันเหนียง 24 – 48 ชม.
ภายหลังดูดไขมันเหนียง 24 – 48 ชม. คนไข้อาจรู้สึกชาและปวดบริเวณบาดแผลเล็กน้อย ให้ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและรอยช้ำ รวมถึงยกศีรษะขึ้นเพื่อให้อาการบวมลดลง
ภายหลังการดูดไขมันเหนียง 1 – 2 สัปดาห์
ภายหลังดูดไขมันเหนียงใน 2 สัปดาห์แรก อาการบวมและรอยช้ำจะเริ่มลดน้อยลง ควรใช้ผ้ารัดหน้าเพื่อรักษารูปทรงของใบหน้า และช่วยให้ใบหน้าเข้าที่ได้เร็วขึ้น
ภายหลังการดูดไขมันเหนียง 1 เดือน
ภายหลังดูดไขมันเหนียง 1 เดือน รูปหน้าจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด อาการบวมและรอยช้ำจะลดลงอย่างมาก แต่ยังคงต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อคงผลลัพธ์ในการรักษาและทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น
ภายหลังการดูดไขมันเหนียง 3 – 6 เดือน
ภายหลังดูดไขมันเหนียง 3 – 6 เดือน ร่างกายจะเริ่มปรับตัว คอลลาเจนใต้ผิวหนังจะถูกกระตุ้นให้เพิ่มมากขึ้น ใบหน้าจะเข้ารูปเต็มที่และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ผ้ารัดหน้าจะกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ในระหว่างการพักฟื้น ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมบางประเภท เช่น การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างหนัก รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ คนไข้จำเป็นต้องมาติดตามผลลัพธ์ภายหลังการดูดไขมันเหนียงกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเพื่อให้แน่ใจว่าใบหน้ากระชับและเข้ารูป
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการดูดไขมันเหนียง
แม้ว่าการดูดไขมันเหนียงด้วยวิธี VASER จะเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากในการกำจัดไขมันส่วนเกิน แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ KKC Clinic ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องของความปลอดภัย โดยจะมีการใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงให้เหลือน้อยที่สุด
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นเล็กน้อย: ภายหลังการดูดไขมันเหนียง คนไข้อาจจะรู้สึกชาเล็กน้อยเพราะฤทธิ์ของยาชา แต่จะมีอาการเพียงชั่วคราวเท่านั้น ในคนไข้บางคนอาจมีอาการบวมและปวดแผลร่วมด้วย แต่จะเกิดขึ้นไม่มาก
- ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ยาก: อาจเกิดการติดเชื้อ เส้นประสาทเสียหาย รวมถึงใบหน้าไม่เท่ากัน แต่มักจะเกิดขึ้นในกรณีทำการดูดไขมันเหนียงกับแพทย์ที่ขาดความเชี่ยวชาญ ดังนั้น การเลือกดูดไขมันเหนียงกับศัลยแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภา และมีประสบการณ์ในการรักษา จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
ที่ KKC Clinic เรามีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการดูดไขมันเหนียงมากว่า 18 ปี จึงสามารถรับประกันได้ถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
ค่าใช้จ่ายในการดูดไขมันเหนียง
ค่าใช้จ่ายในการดูดไขมันเหนียงเริ่มต้นที่ 29,900 บาท ทั้งนี้ ในคนไข้แต่ละคนจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการประเมินของศัลยแพทย์และความต้องการของคนไข้ ดังนั้น ก่อนเข้ารับการดูดไขมันเหนียงที่ KKC Clinic คนไข้จะได้รับการวิเคราะห์และประเมินใบหน้าอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ภายหลังการรักษาที่ดีที่สุด รวมถึงทราบค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างชัดเจน
การดูดไขมันเหนียงสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่?
การดูดไขมันเหนียงจะช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวและกระชับ ทั้งนี้ การดูดไขมันเหนียงสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน โดยหัตถการที่สามารถทำร่วมกันได้มีดังนี้
Thermage FLX
การทำ Thermage FLX คือ การยกกระชับผิวโดยการยิงคลื่นวิทยุลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้เกิดความร้อน กระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้นและสลายไขมันส่วนเกิน จึงช่วยยกกระชับผิวให้เต่งตึงและเรียบเนียน โดยการทำ Thermage FLX เหมาะกับทุกสภาพผิว อีกทั้งยังสามารถใช้ยกกระชับและปรับสภาพผิวได้ทั้งใบหน้า ดังนั้น การทำ Thermage FLX ร่วมกับการดูดไขมันเหนียงจะช่วยให้เห็นแนวคางและสันกรามชัดเจนขึ้น
Ultherapy
การทำ Ultherapy คือการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงยิงลงไปในผิวชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจน โดยการทำ Ultherapy เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังบาง และมีไขมันส่วนเกินบนใบหน้าน้อย ดังนั้น การทำ Ultherapy ร่วมกับการดูดไขมันเหนียงจะช่วยกระชับผิวให้มากขึ้น ช่วยให้ริ้วรอยลดลง ที่สำคัญคือใช้เวลาพักฟื้นน้อย และผลลัพธ์คงอยู่ได้ยาวนาน
ศึกษาความแตกต่างระหว่างการทำ Thermage FLX และ Ultherapy ได้
คำถามที่พบบ่อย
การดูดไขมันเหนียงใช้ระยะเวลาในการทำนานแค่ไหน?
การดูดไขมันเหนียงด้วยวิธี VASER จะใช้เวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันสะสมใต้ผิวหนัง จึงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ภายหลังการดูดไขมันเหนียงต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหนถึงจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ?
ตามปกติแล้ว การดูดไขมันเหนียงจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 – 5 วัน ก็จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ยังคงต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่าง เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของศัลยแพทย์
ทั้งนี้ เวลาที่ใช้ในการพักฟื้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ผู้ที่เข้ารับการดูดไขมันเหนียงจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การพักฟื้นใช้เวลาน้อยที่สุดและเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว
ผลลัพธ์ภายหลังการดูดไขมันเหนียงจะอยู่ได้นานแค่ไหน?
การดูดไขมันเหนียงจะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินได้อย่างถาวร จึงเห็นผลลัพธ์ในระยะยาว ทั้งนี้ หากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ยาวนานขึ้น คนไข้ควรดูแลตัวเองเพิ่มเติมภายหลังการดูดไขมัน เช่น หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เพิ่มขึ้น และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การดูดไขมันเหนียงจะทำให้รู้สึกเจ็บหรือไม่?
ก่อนการดูดไขมันเหนียง ศัลยแพทย์จะทำการฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการดูดไขมันออกก่อน แต่อาจจะยังคงรู้สึกเจ็บเล็กน้อย และมีความปวดแผลบ้างภายหลังการดูดไขมัน ซึ่งสามารถทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
การดูดไขมันเหนียงจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือไม่?
การดูดไขมันเหนียงด้วยวิธี VASER จะเปิดแผลขนาดไม่เกิน 1 ซม. และแผลจะถูกซ่อนอยู่บริเวณใต้เหนียงหรือหลังหู ทำให้ยากต่อการมองเห็น
การดูดไขมันเหนียงต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ถึงจะเห็นผลลัพธ์?
ภายหลังการดูดไขมันเหนียง ใบหน้าจะบวมน้อยลงและเริ่มเข้าที่ใน 2 – 4 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ในเบื้องต้น และจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนภายใน 3 – 6 เดือน
*หากมีคำถามอื่น ๆ เกี่ยวกับการดูดไขมันเหนียง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามช่องทางการติดต่อของ KKC Clinic
สรุปเรื่องการดูดไขมันเหนียง
การดูดไขมันด้วย VASER เป็นวิธีการดูดไขมันเหนียงด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความปลอดภัยสูง และทำให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวกระชับ ปรับรูปหน้าให้เข้าทรง ใบหน้าจึงดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
ที่ KKC Clinic เรามีเครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมด้วยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะคอยให้คำปรึกษาและทำการดูดไขมันเหนียงให้กับคุณ คุณจึงสามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย และผลลัพธ์ในการรักษาที่น่าพึงพอใจ