รวมสูตรและวิธีการรักษาฝ้าแบบเร่งด่วนที่ KKC Clinic

แบนเนอร์โปรโมตรักษาฝ้า ภาพโคลสอัพของใบหน้าผู้หญิงโดยด้านหนึ่งมีฝ้าและอีกด้านผิวเรียบเนียนกระจ่างใส ข้อความเน้นการรักษาฝ้าอย่างมีประสิทธิภาพที่ KKC Clinic

ฝ้า เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนเอเชีย และมักจะสร้างความกังวลใจให้ใครหลายๆ คนอยู่เสมอ เพราะหากหน้าเป็นฝ้า ก็จะทำให้เราขาดความมั่นใจได้ง่ายๆ โดยฝ้าสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท แต่ละประเภทก็จะมีลักษณะและสาเหตุการเกิดที่แตกต่างกัน ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิธีมากมายที่จะช่วยรักษาฝ้าให้หายขาด ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรักษาฝ้าด้วยตัวเอง หรือการใช้หัตถการทางการแพทย์ที่เป็นการรักษาฝ้าแบบเร่งด่วน ทั้งนี้ KKC Clinic ก็มีโปรแกรมรักษาฝ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ไว้คอยให้บริการอย่างหลากหลาย

ฝ้าคืออะไร และมีกี่แบบ?

ภาพโคลสอัพแก้มของหญิงสูงวัยที่มีจุดด่างดำและฝ้า เธอใช้ปลายนิ้วแตะใบหน้าเน้นให้เห็นปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ

ฝ้า (Melasma) คือ ลักษณะของผิวหนังที่เม็ดสีหรือเมลานิน (Melanin) ถูกสร้างมากจนเกินไป ทำให้เกิดเป็นปื้นหรือเป็นแผ่นสีน้ำตาล / ดำ / เทา ตั้งแต่ระดับอ่อนถึงเข้มบนผิว โดยมีขนาดเล็กหรือใหญ่แตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงของฝ้า ซึ่งฝ้ามักจะเกิดขึ้นบนใบหน้า ตามหน้าผาก, ตรงโหนกแก้ม, เหนือริมฝีปาก, คาง (เพราะเป็นบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย) แต่ก็อาจพบได้ตามลำคอ, แขน, หน้าอกด้วย ทั้งนี้ ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักจะเห็นชัดในคนที่มีผิวขาวและมักจะมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออายุเพิ่มขึ้นค่ะ

โดยฝ้าสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ดังนี้

ประเภทของฝ้าตามระดับความลึก

  • ฝ้าตื้น: เป็นฝ้าที่มีสีน้ำตาลเข้มหรือดำและมีขอบเขตชัดเจน โดยจะเกิดขึ้นในผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ซึ่งเป็นประเภทของฝ้าที่พบได้มาก เพราะเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ก็สามารถรักษาได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน
  • ฝ้าลึก: เป็นฝ้าที่มีสีน้ำตาลอ่อนหรือเทาและมีขอบเขตไม่ชัดเจน โดยจะเกิดขึ้นในผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งรักษาได้ยากกว่าฝ้าตื้นและใช้เวลารักษานานกว่า
  • ฝ้าผสม: คือฝ้าที่มีการผสมกันทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึก ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเป็นฝ้าประเภทนี้ โดยฝ้าผสมจะรักษายากกว่าการเป็นฝ้าแบบใดแบบหนึ่งเพียงแบบเดียว รวมถึงมักจะไม่ค่อยหายขาด หากรักษาฝ้าผสมไปแล้วจะสามารถเป็นซ้ำได้อีก

ประเภทของฝ้าตามสาเหตุการเกิด

  • ฝ้าแดด: เป็นฝ้าที่หน้าซึ่งพบได้มากที่สุด เพราะเกิดได้ง่ายที่สุด ยิ่งเราโดนแดดบ่อยๆ หรือโดนแดดมากๆ เม็ดสีที่มีหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสี UV ก็จะยิ่งถูกผลิตมากขึ้นตามไปด้วย จนทำให้หน้าเป็นฝ้าแดดในที่สุด 
  • ฝ้าฮอร์โมน: เป็นฝ้าที่เกิดจากการที่ฮอร์โมนของเราไปกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีมากกว่าปกติ เป็นฝ้าที่มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง ส่วนมากจะพบในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ก็สามารถเกิดจากการทานยาคุมกำเนิดได้เช่นกัน
  • ฝ้าเลือด: เป็นฝ้าที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอย โดยเส้นเลือดฝอยจะไปกระจุกตัวกัน จนทำให้เกิดเป็นฝ้าเลือด

หน้าเป็นฝ้าเกิดจากอะไร?

ดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้าในท้องฟ้าสีฟ้าสดใส มีเมฆขาวกระจายอยู่ แสงอาทิตย์แผ่กระจายเน้นความแรงของแสงแดด

โดยหลักแล้ว ฝ้าจะเกิดจากการที่มีเม็ดสีหรือเมลานินมากจนเกินไป ซึ่งหากดูจากประเภทของฝ้าในหัวข้อด้านบน ก็คงจะพอทราบกันแล้วว่าสาเหตุของการเกิดฝ้ามีอะไรบ้าง ซึ่งเราจะมาลงรายละเอียดเพิ่มเติมกันในหัวข้อนี้ค่ะ

  • แสงแดด: รังสี UV จากแสงแดดจะไปกระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เม็ดสีมาปกป้องผิวหนังจากแสงแดด เมื่อเม็ดสีมีมากขึ้นและเข้มขึ้น ก็จะเกิดเป็นฝ้านั่นเองค่ะ
  • แสงสีฟ้า: แสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะมีคลื่นแสงที่เหมือนกันกับแสงแดด ดังนั้น การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากๆ ก็สามารถทำให้หน้าเป็นฝ้าได้เหมือนกันค่ะ
  • ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิง สามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น หรือผลิตแบบผิดปกติค่ะ โดยสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงก็เช่น การตั้งครรภ์, การเข้าสู่วัยทอง หรือการหมดประจำเดือน, การทานยาคุมกำเนิด
  • พันธุกรรม: พันธุกรรมสามารถส่งผลต่อการผลิตเม็ดสี ดังนั้น คนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นฝ้า ก็จะมีโอกาสเป็นฝ้าสูงค่ะ
  • ยา: ยาบางประเภทอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้คนทานเกิดฝ้าได้ค่ะ เช่น NSAIDs, ยากันชัก, ยาลดน้ำตาลในเลือด, ยาขับปัสสาวะ, ยาจิตเวช
  • เครื่องสำอาง: เครื่องสำอางบางประเภทที่มีส่วนประกอบของสารเคมี, สารกันบูด, สารปรอท, ตะกั่ว อาจช่วยให้หน้าขาวใสได้เร็วในช่วงแรก แต่อาจจะกระตุ้นให้เกิดฝ้าในระยะยาวได้
  • ความเครียด: เมื่อเรารู้สึกเครียด ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนแห่งความเครียดหรือฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายโดยรวม และสามารถทำให้เกิดฝ้าได้ค่ะ

ฝ้า / กระ / จุดด่างดำ ต่างกันยังไง?

ภาพโคลสอัพแก้มของผู้หญิงที่มีฝ้า กระ และจุดด่างดำจากแสงแดด ผิวดูมีความเงางามตามธรรมชาติพร้อมปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ

ฝ้า / กระ / จุดด่างดำ มักเป็นคำที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็ต้องมาพร้อมกันใช่มั้ยคะ แต่ที่จริงแล้วทั้ง 3 อย่างนี้เป็นปัญหาผิวที่มีความแตกต่างกันค่ะ

กระจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ กลมๆ ที่มีสีอ่อนหรือเข้มกว่าสีผิวของเรา มีขอบเขตชัดเจน ขึ้นกระจายอยู่ทั่วบนใบหน้า และทำให้หน้าเป็นกระ แตกต่างจากฝ้าที่มีลักษณะเป็นปื้นหรือเป็นแผ่น ซึ่งกระเองก็มีหลายประเภทเหมือนกับฝ้าค่ะ เช่น กระตื้น, กระลึก, กระแดด, กระเนื้อ ในขณะที่จุดด่างดำคือรอยอักเสบที่เกิดจากสิว ยิ่งอักเสบมาก ก็จะยิ่งเปลี่ยนจากรอยแดงเป็นรอยดำมากค่ะ

หน้าเป็นฝ้ารักษาอย่างไร?

แน่นอนว่าฝ้าถือเป็นปัญหากวนใจที่พบได้บ่อยในคนจำนวนมาก แต่ในปัจจุบันก็มีวิธีรักษาฝ้าหรือแก้ฝ้าให้หายขาดมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรักษาฝ้าด้วยตัวเองแบบธรรมชาติ หรือวิธีการรักษาฝ้าโดยใช้โปรแกรมทางการแพทย์ ซึ่ง KKC Clinic ก็ได้รวบรวมวิธีการรักษาฝ้าด้วยตัวเองมาไว้ในหัวข้อนี้ค่ะ

ครีม / เซรั่ม / ยาทาฝ้า

กระปุกแก้วบรรจุครีมบำรุงผิวสีขาว วางบนถาดไม้พร้อมฝาที่เปิดออกเล็กน้อย ด้านหลังมีดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ เพิ่มบรรยากาศสดชื่นจากธรรมชาติ

ในปัจจุบันมีครีม / เซรั่ม / ยารักษาฝ้า ที่ช่วยลดฝ้าและแก้ฝ้าให้เลือกอย่างหลากหลายค่ะ เพราะครีมเหล่านี้จะมีส่วมผสมที่ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้น เช่น วิตามินซี (Vitamin C), กรดผลไม้ AHA, กรดโคจิก (Kojic), กรดอะซีลาอิก (Azelaic), อาร์บูติน (Arbutin), ไทอามิดอล (Thiamidol), เรตินอยด์ (Retinoid) ซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาฝ้า / กระ / จุดด่างดำแล้ว ยังช่วยปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอขึ้นได้ด้วยค่ะ

การทาครีมนับว่าเป็นวิธีการรักษาฝ้าง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ที่บ้านค่ะ แต่ข้อเสียคือเป็นวิธีที่เห็นผลค่อนข้างช้า ต้องใช้วินัยในการทาเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และอาจจะไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดได้ค่ะ

สมุนไพร / ผัก / ผลไม้

มะนาวสีเขียวสดวางบนใบไม้สีเขียวเข้ม โดยมีมะนาวสองลูกถูกผ่าครึ่ง เผยให้เห็นเนื้อฉ่ำภายใน ภาพเน้นความเป็นธรรมชาติและปริมาณวิตามินซีของมะนาว

นอกจากครีมและเซรั่ม สมุนไพร / ผัก / ผลไม้ ก็สามารถใช้ในการรักษาฝ้าหรือแก้ฝ้าแบบธรรมชาติได้เช่นกันค่ะ ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นสูตรพอกหน้าแก้ฝ้า ตัวอย่างเช่น

  • มะนาว: มะนาวมีกรดผลไม้ (AHA) ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว จึงช่วยรักษาฝ้าได้ วิธีการคือ นำน้ำมะนาวมาแต้มลงบนบริเวณที่เป็นฝ้า ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็จะช่วยให้ฝ้าดูจางลงได้
  • มะขามเปียก: มะขามเปียกมีกรดผลไม้(AHA) ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว จึงช่วยรักษาฝ้าได้ วิธีการคือ นำมะขามเปียกมาผสมกับน้ำสะอาด แล้วพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะช่วยให้ฝ้าจางลงได้ค่ะ แต่วิธีนี้จะไม่เหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่ายนะคะ
  • หัวไชเท้า: หัวไชเท้ามีสารที่สามารถผลัดเซลล์ผิวและลดเม็ดสี จึงช่วยรักษาฝ้า / กระ / จุดด่างดำได้ วิธีการคือ นำหัวไชเท้าสดไปแช่เย็น บดหรือปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมาผสมกับน้ำผึ้งหรือว่านหางจระเข้ พอกหน้าไว้ไม่เกิน 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ก็จะทำให้ฝ้าดูจางลง และหน้าดูกระจ่างใสขึ้นค่ะ แต่วิธีนี้จะไม่เหมาะกับคนที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่ายนะคะ
  • มะละกอสุก: มะละกอมีเอนไซม์ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จึงช่วยรักษาฝ้าและช่วยให้หน้ากระจ่างใสขึ้น วิธีการคือ นำมะละกอสุกมาบดหรือปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าประมาณ 15-20 นาที จากนั้นค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ฝ้าจางลงได้ค่ะ
  • ว่านหางจระเข้: ว่านหางจระเข้สามารถช่วยในการรักษาฝ้าและทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ได้ค่ะ วิธีการคือ นำว่านหางจระเข้ไปแช่น้ำประมาณ 10 นาที แล้วนำมาปอกเปลือกออกพร้อมล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปบดหรือปั่นให้ละเอียด พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วล้างออก หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยให้ฝ้าจางลงได้ค่ะ
  • ใบบัวบก: ใบบัวบกจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ จึงสามารถใช้รักษาฝ้าและริ้วรอยบนใบหน้าได้ วิธีการคือ นำน้ำใบบัวบกคั้นสดมาเช็ดบริเวณผิวหน้า เหมือนกับใช้สำลีเช็ดโทนเนอร์ หากทำเป็นประจำทุกวันก่อนนอนโดยไม่ล้างออก ก็จะช่วยให้ฝ้าจางลงและผิวหน้าเรียบเนียนขึ้นค่ะ

แม้ว่าจะเป็นวิธีรักษาฝ้าที่ทำได้ง่าย และมีค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่การใช้สมุนไพรหรือผักผลไม้ตามธรรมชาติเหล่านี้ ก็เป็นอีกวิธีที่ไม่ได้ให้ผลลัพธ์รวดเร็วทันใจ ต้องใช้วินัยในการทำ และอาจจะไม่สามารถรักษาฝ้าบางประเภท เช่น ฝ้าลึก ให้หายขาดได้ค่ะ

รวมโปรแกรมรักษาฝ้าที่ KKC Clinic

สำหรับคนไข้ที่สนใจจะรักษาฝ้าแบบเร่งด่วน ทั้งรักษาให้หายขาดและเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ก็ขอแนะนำให้มารักษาฝ้าที่ KKC Clinic นะคะ เพราะเรามีโปรแกรมต่างๆ ที่จะช่วยในการรักษาฝ้าให้เลือกอย่างหลากหลาย อีกทั้งเรายังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมให้กับคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ โดยโปรแกรมรักษาฝ้าที่ได้รับความนิยมที่ KKC Clinic จะมีดังนี้ค่ะ

เมโสหน้าใส

ผู้หญิงกำลังรับการฉีดผิวหน้าขณะนอนลง ผู้เชี่ยวชาญสวมถุงมือกำลังฉีดยาบริเวณแก้มของเธอ เธอสวมที่คาดผมสีขาวและต่างหูมุก

เมโสหน้าใส (Mesotherapy) คือวิธีการบำรุงผิวโดยการนำสารต่างๆ ที่มีประโยชน์มาผสมเป็นตัวยาแล้วฉีดเข้าสู่ผิวค่ะ ซึ่งที่ KKC Clinic จะมีเมโสหน้าใสทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ เมโสหน้าใสช่วยให้ผิวขาวสว่างกระจ่างใส, เมโสหน้าใสช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและอิ่มฟู, เมโสหน้าใสช่วยลดสิวและแก้ผดผื่น

เมโสหน้าใสจะช่วยลดการเกิดเม็ดสี จึงสามารถใช้รักษาฝ้าได้ โดยจะทำให้ฝ้า / กระ / จุดด่างดำจางลง นอกจากนี้ การฉีดเมโสหน้าใสยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และเรียบเนียน, ช่วยลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ, ช่วยกระชับรูขุมขน, ช่วยลดการอักเสบของผิว ขับสารพิษตกค้าง และยังช่วยฟื้นฟูให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ

Rejuwhite

ผู้หญิงกำลังรับการฉีดผิวหน้าขณะนอนลง ผู้เชี่ยวชาญสวมถุงมือกำลังฉีดยาบริเวณแก้ม ขณะที่อีกคนถือเจลเย็นสีน้ำเงินประคบเพื่อลดความเจ็บ เธอสวมหมวกคลุมผมแบบใช้แล้วทิ้งและที่คาดผมสีขาว

Rejuwhite (รีจูไวท์) คือตัวยาสูตรพิเศษที่ทางทีมแพทย์ของ KKC Clinic คิดค้นขึ้นค่ะ โดยส่วนผสมหลักคือไวท์เทนนิ่ง (Whitening) เข้มข้น ที่จะช่วยบำรุงผิวให้ขาวสว่างกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ แก้ปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดด, ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น อิ่มฟูและดูฉ่ำวาว, ช่วยให้ผิวกระชับและเต่งตึง เนียนนุ่ม น่าสัมผัส, ช่วยกระชับรูขุมขน, ช่วยลดริ้วรอยร่องตื้นต่างๆ, ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวให้มีความแข็งแรง รวมถึงช่วยทำให้ฝ้า / กระ / จุดด่างดำจางลง จึงช่วยในการรักษาฝ้าด้วยค่ะ

Pico Laser

ผู้หญิงกำลังรับการรักษาด้วยเลเซอร์บนใบหน้าขณะนอนลง ผู้เชี่ยวชาญใช้เครื่องเลเซอร์ใกล้บริเวณแก้ม และดวงตาของเธอถูกปิดด้วยแผ่นป้องกัน

Pico Laser (พิโค่เลเซอร์) คือการยิงเลเซอร์ลงบนผิวด้วยความเร็วระดับ Picosecond ทำให้โมเลกุลของเม็ดสีแตกออกอย่างละเอียด และถูกร่างกายกำจัดอย่างรวดเร็ว จึงสามารถใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดจากเม็ดสีได้ดี เช่น การรักษาฝ้า / กระ / จุดด่างดำ หรือการลบรอยสัก

นอกจากจะเป็นวิธีที่ช่วยรักษาและลบฝ้าได้ทั้งฝ้าตื้น / ฝ้าลึก / ฝ้าแดด การทำ Pico Laser ยังสามารถใช้ลบกระตื้น / กระลึก / กระแดด รวมถึงจุดด่างดำและปาน, ลบรอยแดง / รอยดำ / รอยแผลเป็นจากสิว, ทำให้ผิวกระจ่างใสและเรียบเนียนมากขึ้น, รูขุมขนเล็กลง, ลดริ้วรอยร่องตื้น รวมถึงทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ด้วยค่ะ

Sylfirm X Plus

ผู้หญิงกำลังรับการรักษาด้วยไมโครนีดลิ่ง RF บริเวณคางขณะนอนลง ผู้เชี่ยวชาญสวมถุงมือใช้เครื่องมือสีทองที่มีแสงสีแดงในการรักษาผิวของเธอ

Sylfirm X Plus (ซิลเฟิร์ม เอ็กซ์ พลัส) คือเครื่องที่มีเทคโนโลยีการปล่อยคลื่นความถี่วิทยุ(RF) ผ่านเข็มไร้ฉนวนที่มีความเล็กและคม เพื่อทำให้เกิดความร้อนใต้ผิวหนัง ซึ่งสามารถยับยั้งสาเหตุของการเกิดเม็ดสี, สลายเม็ดสีที่ทำงานผิดปกติ, ทำให้เม็ดสีที่เข้มชัดดูจางลง และทำลายเส้นเลือดฝอยที่คอยหล่อเลี้ยงเม็ดสีเหล่านี้ จึงสามารถใช้ในการรักษาฝ้าได้

นอกจากจะช่วยลดฝ้า / จุดด่างดำ / รอยแดงและรอยดำจากสิวแล้ว การทำ Sylfirm X Plus ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน, ช่วยปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น, ช่วยกระชับรูขุมขน, ช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ , ช่วยทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น และยังช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ซึ่งจะทำให้เห็นกรอบหน้าชัดขึ้นได้ด้วยค่ะ

Dual Yellow Laser

ผู้หญิงกำลังรับการรักษาด้วยเลเซอร์บริเวณจมูกขณะนอนลง ผู้เชี่ยวชาญใช้เครื่องเลเซอร์มือถือที่ปล่อยแสงสีเหลือง ขณะที่อีกคนถือแผ่นสำลีปิดตาเพื่อป้องกัน ใบหน้าของเธอถูกเคลือบด้วยเจลใส และเธอสวมหมวกคลุมผมแบบใช้แล้วทิ้ง

Dual Yellow Laser (ดูโอ้ เยลโล่ เลเซอร์) คือเครื่องยิงเลเซอร์ที่สามารถปล่อยแสงเลเซอร์ออกมาได้ 2 ชนิด ได้แก่ เลเซอร์แสงสีเหลือง (Yellow Light) ซึ่งจะถูกดูดซับโดยออกซีฮีโมโกลบิน จึงช่วยรักษารอยโรคที่มีสีแดงได้ดี กับเลเซอร์แสงสีเขียว (Green Light) ซึ่งจะถูกดูดซับโดยเม็ดสี จึงช่วยรักษารอยโรคที่มีสีดำได้และเกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีได้ดี ดังนั้น Dual Yellow Laser จึงช่วยรักษาฝ้า / กระ / จุดด่างดำได้

นอกจากจะไปทำลายเส้นเลือดและเซลล์เม็ดสีที่ผิดปกติ เพื่อทำให้รอยโรคต่างๆ ดูจางลงแล้ว การทำ Dual Yellow Laser ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใส, ช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ, ช่วยลดริ้วรอยเล็กๆ , ช่วยรักษาสิวอักเสบและสิวอุดตัน รวมถึงสามารถใช้กำจัดขี้แมลงวัน / ไฝ / ติ่งเนื้อ / ตุ่มบางชนิดได้ด้วยค่ะ

วิธีป้องกันการเกิดฝ้า

ขวดครีมกันแดดสีส้มวางอยู่บนผ้าขนหนูสีขาว โดยมีปลาดาวขนาดเล็กอยู่ข้างๆ

แม้ว่าจะมีวิธีการรักษาฝ้ามากมาย แต่ก็คงดีกว่าถ้าเราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าได้ตั้งแต่แรก รวมถึงหากรักษาฝ้าจนหายแล้ว ก็ควรดูแลตัวเองไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ โดยวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าก็มีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการโดดแดดและแสงสีฟ้าที่มากจนเกินไป
  • ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เป็นประจำทุกวัน 
  • สวมหมวกปีกกว้างหรือกางร่มหากต้องออกไปกลางแจ้ง
  • ทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีสารอันตราย เช่นสารปรอทหรือตะกั่ว
  • พยายามอย่าเครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์

สรุปเรื่องการรักษาฝ้า

ฝ้า คือปื้นหรือแผ่นที่มักเกิดบนใบหน้า โดยมีสีและขนาดแตกต่างกันไป ซึ่งฝ้าจะมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นฝ้าตื้น, ฝ้าลึก, ฝ้าผสม หรือฝ้าแดด, ฝ้าฮอร์โมน, ฝ้าเลือด ทั้งนี้ แม้ว่าฝ้าจะเป็นปัญหาที่น่าหนักใจ แต่ก็สามารถรักษาได้ค่ะ ไม่ว่าจะใช้เป็นวิธีการรักษาฝ้าด้วยตัวเอง เช่น การทาครีม หรือการพอกหน้าด้วยสมุนไพรตามธรรมชาติ หรือใช้เป็นวิธีการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมทางการแพทย์ เช่น การเลเซอร์ฝ้า ซึ่งที่ KKC Clinic ก็จะมีโปรแกรมรักษาฝ้าเหล่านี้ให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยจะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริง และรวดเร็วกว่าการรักษาฝ้าด้วยตัวเองค่ะ