การดูดไขมันต้นขาช่วยแก้ปัญหาขาใหญ่ ขาล่ำ ขาเบียด

การลดขนาดต้นขากำลังเป็นปัญหาของคุณอยู่รึเปล่า? ขาเบียดเพราะต้นขาใหญ่ เป็นปัญหาที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่การคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายกลับไม่สามารถลดขนาดต้นขาลงได้อย่างที่ใจต้องการ แถมยังใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ดังนั้น การดูดไขมันต้นขาจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เรามีต้นขาเรียวกระชับและได้สัดส่วน โดยที่ KKC Clinic จะใช้การดูดไขมันด้วยวิธี VASER ควบคู่ไปกับโปรแกรมกระชับผิว J-Plasma
ผลลัพธ์ที่ได้อาจขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
การดูดไขมันต้นขาคืออะไร?
การดูดไขมันต้นขา (thigh liposuction) คือ การดูดไขมันสะสมส่วนเกินใต้ผิวหนังบริเวณรอบ ๆ ต้นขา ทั้งต้นขาด้านนอกและต้นขาด้านใน ซึ่งการดูดไขมันต้นขาด้านนอกจะรวมไปถึงบริเวณสะโพกด้วย จึงช่วยลดสัดส่วนบริเวณนี้ให้เล็กลงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การดูดไขมันต้นขายังเป็นวิธีการแก้ปัญหาขาเบียดซึ่งเกิดจากการมีต้นขาด้านในใหญ่เกินไปที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ การดูดไขมันต้นขาด้านนอกและต้นขาด้านใน จะทำพร้อมกันหรือทำแยกกันคนละครั้งก็ได้ เพราะใช้การเปิดแผลคนละจุด โดยศัลยแพทย์ผู้ทำการดูดไขมันจะเป็นคนพิจารณาถึงความต้องการของคนไข้และความเหมาะสมด้านต่าง ๆ เช่น ประเมินจากปริมาณไขมัน หากมีไขมันส่วนเกินสะสมในทั้ง 2 บริเวณไม่มาก ก็อาจจะทำการดูดไปพร้อมกันเลย แต่หากมีไขมันส่วนเกินสะสมมาก ก็อาจจะแยกกันดูด หรือประเมินจากปัญหาและความกังวลของคนไข้ หากศัลยแพทย์เล็งเห็นว่าคนไข้มีปัญหาเรื่องใส่เสื้อผ้าแล้วติดสะโพก ก็อาจจะให้ดูดไขมันต้นขาด้านนอกก่อน หรือหากเล็งเห็นว่าคนไข้มีปัญหาขาเบียด ขาหนีบเสียดสี ก็อาจจะให้ดูดไขมันต้นขาด้านในก่อน เป็นต้น
ข้อดีของการดูดไขมันต้นขา
ข้อดีของการดูดไขมันต้นขา มีดังนี้
- การดูดไขมันต้นขาด้านนอก จะช่วยลดขนาดต้นขาและสะโพกของผู้ที่เข้ารับการดูดไขมัน จึงเป็นการลดสัดส่วน แก้ปัญหาเวลาที่ใส่เสื้อผ้าแล้วรอบเอวพอดี รอบเอวหลวม แต่ติดต้นขาหรือสะโพก รวมถึงใส่ชุดว่ายน้ำหรือชุดรัดรูป แล้วเห็นบริเวณสะโพกนูนป่องออกมา
- การดูดไขมันต้นขาด้านใน จะช่วยเพิ่มช่องว่างระหว่างต้นขา ลดขนาดของต้นขาที่ใหญ่จนมาเบียดกัน แล้วเกิดการเสียดสี ซึ่งอาจทำให้ขาหนีบดำ เกิดอาการระคายเคือง คัน เป็นผื่นแดง ผิวไหม้ เป็นแผล หรือร้ายแรงถึงขั้นติดเชื้อ รวมถึงลดความอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ช่วยให้มีขาที่เรียว กระชับ ไม่หย่อนคล้อย
- ทำให้เซลลูไลท์ซึ่งเป็นไขมันสะสมส่วนเกินชั้นตื้นลดลง แก้ปัญหาผิวเปลือกส้ม
- ปรับเปลี่ยนสัดส่วน ช่วยให้ลำตัวช่วงบนและลำตัวช่วงล่างมีความสมส่วนกัน
- ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว การใส่ชุดที่มีการโชว์ช่วงขาหรือชุดรัดรูป
- เป็นวิธีการลดขนาดต้นขาที่เห็นผลชัดเจนทันที และคงผลลัพธ์อยู่ได้เป็นระยะเวลานาน เพราะเป็นการดูดไขมันออกจากร่างกาย ทำให้จำนวนของเซลล์ไขมันลดลง ซึ่งจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกได้ยาก ทั้งนี้ เพื่อคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้อย่างยาวนานขึ้น คนไข้ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เพิ่มขึ้นหรือให้อยู่ในเกณ์ที่เหมาะสม
ใครบ้างที่ควรดูดไขมันต้นขา?
การดูดไขมันต้นขา สามารถทำได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยคนที่เหมาะสมกับการดูดไขมันต้นขาได้แก่
- ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณต้นขามาก ทำให้มีขาใหญ่ ขาล่ำ ขาเบียด
- ผู้ที่มีต้นขาใหญ่จากกรรมพันธุ์ รวมถึงระบบเผาผลาญไม่ดีหรือผิดปกติ ส่งผลให้ลดขนาดต้นขาด้วยตนเองได้ยาก
- ผู้ที่มีหุ่นทรงลูกแพร์ คือมีลำตัวช่วงบนปกติ แต่มีลำตัวช่วงล่างตั้งแต่สะโพกลงมาค่อนข้างใหญ่ ทำให้รูปร่างดูไม่สมส่วน เวลาใส่เสื้อผ้าแล้วจะติดสะโพก
- ผู้ที่มีต้นขาด้านในเสียดสีกัน ซึ่งอาจทำให้ขาหนีบดำ เกิดการระคายเคือง หรือเป็นแผล
- ผู้ที่เวลาเหงื่อออกแล้วจุดซ่อนเร้นอับชื้น มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพราะไม่มีช่องว่างระหว่างต้นขาด้านใน
- ผู้ที่คุมอาหารและออกกำลังกาย หรือน้ำหนักลงแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถลดขนาดต้นขาได้ดังที่ต้องการ
- ผู้ที่ต้องการลดขนาดต้นขาด้วยวิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันทีในระยะเวลาอันรวดเร็ว
- ผู้ที่ขาดความมั่นใจเวลาใส่ชุดซึ่งมีการโชว์ช่วงขาหรือชุดที่รัดรูป
*ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ต้องเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนทุกครั้ง ซึ่งการวินิจฉัยของแพทย์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นขา
นอกจากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการดูดไขมันต้นขาและรายละเอียดในการเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่จะเข้ารับบริการแล้ว คนไข้ยังต้องมีการเตรียมตัวดังนี้
- เข้ารับการตรวจร่างกายและประเมินสุขภาพตามคำแนะนำของแพทย์
- แจ้งข้อมูลสุขภาพของท่านกับแพทย์ เช่น โรคประจำตัว ยาที่แพ้ หรือยาที่รับประทานเป็นประจำ
- งดทานยาและอาหารเสริมบางชนิด เพราะอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้ตับกำจัดยาชาได้ช้าลง อาจเกิดภาวะยาชาเป็นพิษ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน น้ำมันตับปลา และวิตามินซี อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการดูดไขมันต้นขา
- งดการสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการเข้ารับการดูดไขมันต้นขา
- ควรงดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการดูดไขมันต้นขาอย่างน้อย 6 ชม.
- เช็กวันที่มาของรอบเดือน ไม่ให้ตรงกับวันที่เข้ารับการดูดไขมันต้นขา
- คนไข้ควรอาบน้ำ สระผม และชำระล้างร่างกายให้สะอาดเรียบร้อย ก่อนมาเข้ารับการดูดไขมันต้นขา
- ในวันที่เข้ารับการดูดไขมันต้นขา คนไข้ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายหรือมีความหลวม รวมถึงเลือกชุดที่สามารถใส่ – ถอดได้โดยไม่ถูกแผล หรือเตรียมชุดในลักษณะดังที่กล่าวมานี้เพื่อเปลี่ยนในภายหลัง
ขั้นตอนการดูดไขมันต้นขาที่ KKC Clinic
ก่อนเข้ารับการดูดไขมันต้นขา ศัลยแพทย์จะทำการพูดคุยและให้คำปรึกษากับคนไข้อย่างละเอียด เกี่ยวกับเป้าหมายและความคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ประเมินสภาพร่างกาย วัดสัดส่วน รวมถึงออกแบบตำแหน่งที่จะทำการดูดไขมันและปริมาณไขมันที่จะถูกดูดออกมา โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมและความต้องการของคนไข้แต่ละบุคคลโดยเฉพาะ จากนั้น เมื่อคนไข้เตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการดูดไขมันต้นขา ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1
ศัลยแพทย์จะทำเครื่องหมายกำหนดบริเวณที่จะดูดไขมันต้นขาและให้ยาระงับอาการเจ็บ (ยาชา) เฉพาะที่
ขั้นตอนที่ 2
ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลขนาดเล็กเพื่อดูดไขมันต้นขา โดยตำแหน่งที่เปิดแผลจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเป็นการดูดไขมันต้นขาด้านนอก ต้นขาด้านใน หรือทั้ง 2 ด้าน ทั้งนี้ แผลจะมีขนาดเพียงประมาณ 3 – 5 มม. เพราะเปิดแค่เพื่อใส่หัวดูดแคนนูล่าของเครื่อง VASER Smooth 2.2 เท่านั้น
ขั้นตอนที่ 3
เครื่อง VASER Smooth 2.2 จะปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์เพื่อทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวและมีความเหลวมากขึ้น ช่วยให้สามารถดูดไขมันบริเวณต้นขาและบริเวณรอบ ๆ ออกมาได้อย่างง่ายดาย เมื่อเซลล์ไขมันแตกตัวแล้ว ศัลยแพทย์จะใช้หัวดูดแคนนูล่าของเครื่อง VASER Smooth 2.2 ดูดไขมันต้นขาออกมาจากบริเวณที่กำหนดไว้อย่างละเอียดและแม่นยำ
ซึ่งการดูดไขมันต้นขาจะต้องดูดออกให้ต้นขาและสะโพกมีส่วนเว้า ส่วนโค้ง ส่วนที่นูนออกมาบ้างตามที่ได้ออกแบบไว้ในตอนแรก โดยจะไม่ดูดไขมันออกมามากจนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเป็นคลื่น ซึ่งวิธีการดูดไขมันต้นขาด้วย VASER จะไม่ก่อให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่ออื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ
ขั้นตอนที่ 4
ภายหลังจากดูดไขมันต้นขาเสร็จสิ้นแล้ว ศัลยแพทย์จะทำการเย็บปิดแผลด้วยความประณีต เพื่อให้รอยแผลสวยงามและมีขนาดเล็กที่สุด ลดความเสี่ยงในการเกิดแผลอักเสบและบวมช้ำ
การดูดไขมันต้นขาด้วยวิธี VASER ร่วมกับการทำโปรแกรม J-Plasma
โปรแกรม J-Plasma คือ โปรแกรมที่จะช่วยยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อย โดยใช้พลังงานของฮีเลียมพลาสมา (helium plasma) หรือก๊าซเฉื่อยความเย็น ร่วมกับพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (radio-frequency – RF) ทำให้เส้นใยโครงสร้างผิวหนังและเนื้อเยื่อต่าง ๆ หดตัวลง รวมไปถึงเนื้อเยื่อในโพรงชั้นผิวหนังที่มีช่องว่างหลังจากไขมันถูกดูดออกไปแล้ว ก็จะหดรัดตัวลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ผิวหนังของเราจึงจะกระชับขึ้นทันที ต้นขาจะดูเรียวและไม่หย่อนคล้อย
โปรแกรม J-Plasma จะใช้การสอดท่อพลังงานเข้าไปทางแผลเดียวกับที่ใช้เครื่อง VASER ดูดไขมันออกมา ดังนั้น เพื่อผลลัพธ์ภายหลังการดูดไขมันต้นขาที่มีประสิทธิภาพและคงอยู่เป็นระยะเวลานาน จึงควรทำการดูดไขมันต้นขาพร้อมกับโปรแกรม J-Plasma
การดูแลตัวเองภายหลังการดูดไขมันต้นขา
ภายหลังจากเข้ารับการดูดไขมันต้นขาแล้ว คนไข้ควรพักสังเกตอาการอย่างน้อย 30 นาทีหรือตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ หากไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น คนไข้ก็สามารถกลับบ้านได้ทันที ซึ่งหลังจากที่คนไข้กลับบ้านไปแล้ว คนไข้ควรปฏิบัติตัวดังนี้
- ทำความสะอาดแผลที่เกิดจากการดูดไขมันต้นขาทุกวัน ตามคำแนะนำของแพทย์
- ห้ามให้แผลโดนน้ำเป็นระยะเวลา 7 วัน หรือจนกว่าจะทำการตัดไหม
- สวมใส่ชุดกระชับตลอด 24 ชม. ในระยะเวลา 1 เดือนแรกภายหลังจากการดูดไขมันต้นขา หลังจากนั้นให้ใส่ชุดกระชับเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง ในตอนกลางวันที่มีการขยับตัวทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ งดทานยาและอาหารเสริมบางชนิด รวมถึงการทานอาหารหมักดอง อาหารทะเล อาหารดิบ และอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ (หากไม่แน่ใจ ให้สอบถามกับแพทย์ผู้ทำการรักษา)
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมบางอย่างที่ต้องอาศัยการขยับตัวมาก ๆ เช่น การออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาบางประเภท รวมถึงการยกของหนัก ๆ
- ทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งและมาพบแพทย์ทุกครั้งตามนัดหมาย
ค่าใช้จ่ายในการดูดไขมันต้นขา
ค่าใช้จ่ายในการดูดไขมันต้นขาเริ่มต้นที่ 39,900 บาท ทั้งนี้ ในคนไข้แต่ละคนจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการประเมินของศัลยแพทย์และความต้องการของคนไข้ ดังนั้น ก่อนเข้ารับการดูดไขมันต้นขาที่ KKC Clinic คนไข้จะได้รับการวิเคราะห์และประเมินบริเวณที่ต้องการดูดไขมันอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ภายหลังการรักษาที่ดีที่สุด รวมถึงทราบค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างชัดเจน
ทำไมต้องดูดไขมันต้นขาที่ KKC Clinic
การดูดไขมันต้นขาจำเป็นต้องทำกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพราะหากศัลยแพทย์ผู้ทำการดูดไขมันไม่มีความชำนาญแล้ว อาจดูดไขมันบริเวณต้นขาออกมามากเกินไป ทำให้ต้นขาเป็นคลื่น ไม่สวยงาม และดูไม่สมส่วน รวมถึงหากดูดไขมันผิดชั้น หรือทำในสถานพยาบาลที่ไม่สะอาดเพียงพอ ก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่คนไข้ได้
การดูดไขมันต้นขา มีจุดสำคัญคือต้องออกแบบตำแหน่งที่จะดูดไขมันและปริมาณไขมันที่จะดูดออกมาให้เหมาะสม โดยบริเวณต้นขาด้านนอกควรดูดและเกลี่ยให้มีความเรียบเนียนเสมอกัน ไล่ตั้งแต่จากสะโพกลงไปจนถึงหัวเข่า และบริเวณกระดูกสะโพกไม่ควรมีรอยบุ๋มปรากฏให้เห็น ในขณะที่บริเวณต้นขาด้านในควรมีช่วงบนที่โค้งนูนเล็กน้อย เว้าที่ช่วงกลาง และกลับมานูนอีกครั้งช่วงหัวเข่า ซึ่งการที่จะดูดไขมันต้นขาให้ได้ดังที่กล่าวมา ต้องอาศัยทักษะและความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ผู้มากประสบการณ์
ที่ KKC Clinic เราทำการดูดไขมันต้นขาโดยศัลยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญและมากไปด้วยประสบการณ์ เพราะเรามีศัลยแพทย์ซึ่ง มีประสบการณ์ในการดูดไขมันมากว่า 18 ปี พร้อมด้วยเครื่องมือที่มีความทันสมัย ในคลินิกที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรอง รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ที่จะคอยติดตามผลลัพธ์ภายหลังการรักษาอย่างใกล้ชิด คนไข้จึงสามารถมั่นใจได้ว่า การดูดไขมันต้นขาที่ KKC Clinic นอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจแล้ว ยังมีความปลอดภัยอีกด้วย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมันต้นขา
การดูดไขมันต้นขาทำให้รู้สึกเจ็บหรือไม่?
ในขั้นตอนการดูดไขมันต้นขา จะมีการให้ยาชากับบริเวณที่ต้องการดูดไขมันออกมาก่อน ซึ่งคนไข้อาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในขั้นตอนนี้
การดูดไขมันต้นขาทำให้ผิวหย่อนคล้อยหรือไม่?
ตามปกติแล้ว การดูดไขมันต้นขามักจะไม่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย หากดูดไขมันออกมาในปริมาณที่เหมาะสม ทั้งนี้ การดูดไขมันต้นขาควรทำควบคู่กับโปรแกรม J-Plasma ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังภายหลังจากที่ไขมันถูกดูดออกไปแล้วมีความกระชับมากยิ่งขึ้น
การดูดไขมันต้นขาช่วยกำจัดเซลลูไลท์หรือไม่?
การดูดไขมันต้นขาจะช่วยกำจัดเซลลูไลท์ซึ่งเป็นไขมันชั้นตื้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมด เนื่องจากการดูดไขมันจะเน้นที่การดูดไขมันชั้นลึกมากกว่า และหากดูดไขมันชั้นตื้นออกมากเกินไปก็อาจจะทำให้ผิวเป็นคลื่นได้
ภายหลังจากดูดไขมันต้นขาแล้ว จะสามารถเดินได้เลยหรือไม่?
ตามปกติแล้ว ภายหลังจากที่ดูดไขมันต้นขา คนไข้จะสามารถเดินได้ปกติในทันที แต่อาจมีอาการปวดขาเล็กน้อย
ภายหลังจากดูดไขมันต้นขาแล้ว ต้องใช้เวลาพักฟื้นกี่วัน?
ภายหลังการดูดไขมันต้นขา คนไข้อาจจะต้องพักฟื้นอย่างน้อย 1 – 3 วัน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศัลยแพทย์ผู้ทำการรักษา ทั้งนี้ คนไข้สามารถยืนหรือเดินได้ตามปกติ แต่อาจจะต้องใช้เวลาพักเล็กน้อยจึงจะสามารถขับรถได้
สรุปเรื่องการดูดไขมันต้นขา
การดูดไขมันต้นขา เป็นการดูดไขมันออกมาจากต้นขาด้านนอกและต้นขาด้านใน โดยอาจจะดูดพร้อมกันในครั้งเดียวหรือแยกเป็น 2 ครั้งก็ได้ ซึ่งการดูดไขมันต้นขาด้านนอกเหมาะกับผู้ที่มีหุ่นทรงลูกแพร์ ในขณะที่การดูดไขมันต้นขาด้านในเหมาะกับผู้ที่มีขาเบียด ซึ่งการดูดไขมันต้นขาเป็นวิธีลดขนาดต้นขา และทำให้ต้นขาเรียวกระชับได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ทั้งนี้ การดูดไขมันต้นขาที่ KKC Clinic จะทำโดยศัลยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ และทำในคลินิกที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองเท่านั้น