การดูดไขมันด้วย VASER แก้ปัญหาไขมันส่วนเกินสะสมตามจุดต่าง ๆ บนร่างกาย

บุคคลกำลังบีบไขมันหน้าท้อง แสดงให้เห็นปัญหาไขมันส่วนเกิน พร้อมกับฉากของแพทย์กำลังทำการดูดไขมันด้วย VASER

การดูดไขมัน นับเป็นหัตถการอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะแม้ว่าจะออกกำลังกายและควบคุมอาหารจนทำให้น้ำหนักลดลงแล้ว แต่หลาย ๆ คนก็ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาไขมันส่วนเกินที่สะสมตามจุดต่าง ๆ บนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา น่อง รวมถึงใต้คาง ทำให้เกิดปัญหาทั้งพุงยื่น ขาเบียด แขนย้วย น่องใหญ่ และมีเหนียงเป็นชั้น ๆ ซึ่งการดูดไขมันด้วย VASER ที่ KKC Clinic สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะจะเป็นการใช้เครื่อง VASER ดูดไขมันออกมาจากร่างกาย จึงทำให้คนไข้มีสัดส่วนที่เล็กลง ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า “การดูดไขมันคืออะไร?”, “แล้วการดูดไขมันด้วย VASER แตกต่างจากการดูดไขมันแบบดั้งเดิมอย่างไร?”, “ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมัน” ไปจนถึง “การดูดไขมันที่ KKC Clinic มีราคาเท่าไหร่?”

ผลลัพธ์ที่ได้อาจขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

การดูดไขมันคืออะไร?

การดูดไขมัน (VASER Liposuction) คือการกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย โดยใช้เครื่อง VASER Smooth 2.2 ซึ่งมีเทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวด์ที่ช่วยในการสลายเซลล์ไขมันให้แตกตัวและมีความเหลวมากขึ้นก่อนจะดูดออกมา จึงทำให้เนื้อเยื่อรอบ ๆ ไม่ได้รับความเสียหายไปด้วย ดังนั้น การดูดไขมันด้วย VASER จึงก่อให้เกิดอาการบวมช้ำน้อยกว่าและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการดูดไขมันแบบดั้งเดิม

ทั้งนี้ การดูดไขมันไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนัก แต่เป็นเพียงวิธีการปรับลดสัดส่วน ที่จะช่วยให้บริเวณที่ดูดไขมันออกมามีขนาดเล็กลง รวมถึงมีความเฟิร์มและกระชับมากขึ้น ทั้งนี้ หากเป็นการดูดไขมันหน้าท้องในผู้ชาย ก็จะสามารถสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง (six pack) ได้ หรือหากเป็นในผู้หญิง ก็จะสามารถสร้างส่วนโค้งเว้า (เอว S) และ sexy line (ร่อง 11) ได้ด้วย

เนื่องจากการดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการปรับลดสัดส่วนเฉพาะจุด จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป แต่จะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินสะสมตามจุดต่าง ๆ บนร่างกายแบบเฉพาะบริเวณ ที่แม้จะคุมอาหารและออกกำลังกาย หรือน้ำหนักลดลงแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้ไขมันเหล่านี้หายไปได้

การดูดไขมันด้วย VASER แตกต่างจากการดูดไขมันแบบดั้งเดิมอย่างไร?

การดูดไขมันด้วย VASER (Vibration Amplification of Sound Energy at Resonance) คือ เทคโนโลยีการกำจัดไขมันโดยใช้คลื่นเสียง หรือที่เรียกกันว่าคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ในการสลายเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัวและมีความเหลวมากขึ้น เพื่อที่จะสามารถดูดออกมาได้โดยง่าย และไม่ทำให้เนื้อเยื่ออื่นโดยรอบได้รับความเสียหาย

การดูดไขมันด้วย VASER ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา จะช่วยแก้ปัญหาที่เป็นข้อเสียของการดูดไขมันแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถยกตัวอย่างได้ดังนี้

  • วิธีการ: การดูดไขมันด้วย VASER จะใช้เครื่อง VASER Smooth 2.2 ที่มีคลื่นอัลตราซาวด์สลายให้ไขมันแตกตัวก่อนดูดออกมา ในขณะที่การดูดไขมันแบบดั้งเดิมจะใช้แรงมือของแพทย์ในการกระทุ้งให้ไขมันแตกตัวก่อนดูดออกมา
  • ความเจ็บ: การดูดไขมันด้วย VASER จะทำให้สามารถดูดไขมันที่เหลวแล้วออกมาได้อย่างนุ่มนวล จึงมีความเจ็บน้อยกว่าการดูดไขมันแบบดั้งเดิม
  • ระยะเวลา: การดูดไขมันด้วย VASER ใช้ระยะเวลาในการทำหัตถการน้อยกว่าการดูดไขมันแบบดั้งเดิม
  • ผลลัพธ์: การดูดไขมันด้วย VASER จะสามารถดูดไขมันออกมาได้เป็นปริมาณมากอย่างแม่นยำ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อ เส้นเลือด หรือเส้นประสาทที่อยู่รอบ ๆ จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า แตกต่างจากการดูดไขมันแบบดั้งเดิมที่จะดูดทุกอย่างออกมาพร้อมกับไขมัน และจะดูดออกมาได้ในปริมาณที่น้อยกว่า
  • ผลข้างเคียง: การดูดไขมันแบบ VASER จะทำให้รู้สึกปวดน้อยกว่า เกิดการบวมช้ำน้อยกว่า รอยแผลเล็กกว่า และผิวเป็นคลื่นหรือเป็นโพรงน้อยกว่าการดูดไขมันแบบดั้งเดิม
  • การพักฟื้น: การดูดไขมันด้วย VASER จะใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยกว่าการดูดไขมันแบบดั้งเดิม
  • ความปลอดภัย: การดูดไขมันด้วย VASER จะมีความปลอดภัยสูงและมีความเสี่ยงน้อย ในขณะที่การดูดไขมันแบบดั้งเดิมจะมีความปลอดภัยน้อยกว่า และมีความเสี่ยงสูงกว่า

ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมัน?

หน้าท้องของผู้หญิงถูกมาร์กด้วยเส้นสีน้ำเงินเพื่อเตรียมทำการดูดไขมันด้วย VASER ที่ KKC Clinic มีมือกำลังถือปากกาเพื่อกำหนดบริเวณที่จะดูดไขมัน

สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าตนเองเหมาะกับการดูดไขมันหรือไม่ ก็ขอแนะนำให้มาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ KKC Clinic เพื่อที่แพทย์จะได้ทำการประเมินให้ ทั้งนี้ คนไข้สามารถประเมินตัวเองได้ในเบื้องต้นจากหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

  • น้ำหนักตัว: เป็นผู้ที่มีน้ำหนักตัวใกล้เคียงหรือเท่ากับที่ต้องการอยู่แล้ว เพียงแต่มีไขมันดื้อสะสมอยู่เฉพาะจุดต่าง ๆ บนร่างกาย ซึ่งการคุมอาหารและการออกกำลังกายไม่สามารถกำจัดไขมันเหล่านี้ได้
  • BMI: เป็นผู้ที่มีค่า BMI อยู่ระหว่าง 20 – 32 ทั้งนี้ หากเป็นผู้ที่มีค่า BMI น้อยกว่า 20 แต่ยังคงมีไขมันส่วนเกินสะสมเฉพาะจุดอย่างเห็นได้ชัด ก็อาจจะดูดได้เช่นกัน ทั้งนี้ คนไข้สามารถมาเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์ก่อนได้
  • สุขภาพ: เป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ทั้งนี้ หากเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือมีปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ก็อาจจะไม่เหมาะสมกับการดูดไขมันเท่าไหร่นัก จึงขอแนะนำให้คนไข้มาเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์ก่อน

บริเวณใดบ้างที่สามารถดูดไขมันได้?

แพทย์กำลังทำการดูดไขมันด้วย VASER บนหน้าท้องของผู้ป่วยที่ KKC Clinic ผู้ป่วยนอนราบพร้อมเครื่องมือผ่าตัดและท่อข้างกาย แพทย์ใช้เครื่องมือคานูล่าเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน

การดูดไขมันสามารถทำได้หลากหลายบริเวณของร่างกาย โดยบริเวณที่ได้รับความนิยมได้แก่ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา น่อง และเหนียง ทั้งนี้ บริเวณที่สามารถดูดไขมันได้มีดังนี้

หากคนไข้ต้องการดูดไขมันทั้งตัว หรือดูดพร้อม ๆ กัน ในหลากหลายบริเวณ ก็สามารถปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อนได้ หากเป็นบริเวณที่ใกล้เคียงกัน เช่น ต้นแขน นมน้อย และปีกหลัง ก็จะสามารถดูดไปพร้อมกันได้เลย หรือหากเป็นคนละบริเวณ แต่แต่ละบริเวณมีไขมันสะสมอยู่ไม่มากจนเกินไป ก็จะสามารถดูดไปพร้อมกันได้ในวันเดียว ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามความเหมาะสมของแพทย์เป็นสำคัญ

ขั้นตอนการดูดไขมันด้วย VASER

ภายหลังจากที่ศัลยแพทย์ได้ทำการออกแบบตำแหน่งและคำนวณปริมาณไขมันที่จะถูกดูดออกมาแล้ว ศัลยแพทย์ก็จะทำเครื่องหมายเพื่อกำหนดตำแหน่ง จากนั้นจึงฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อช่วยระงับความเจ็บปวดให้กับคนไข้

เมื่อยาชาออกฤทธิ์ จึงค่อยทำการเปิดแผลขนาดประมาณ 3 – 5 มม. เพื่อใส่หัวดูดแคนนูล่าของเครื่อง VASER Smooth 2.2 เข้าไป เครื่องจะปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์เพื่อทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวและมีความเหลวมากขึ้น เมื่อเซลล์ไขมันแตกตัวแล้ว ศัลยแพทย์จะดูดไขมันออกมาจากบริเวณที่กำหนดไว้อย่างละเอียดและแม่นยำ

เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ศัลยแพทย์จะทำการเย็บปิดแผลด้วยความประณีต เพื่อให้รอยแผลสวยงามและมีขนาดเล็กที่สุด ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแผลอักเสบและบวมช้ำ

ทั้งนี้ จะใช้ระยะเวลาในการทำหัตถการทั้งหมดกี่ชั่วโมง ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนบริเวณและปริมาณของไขมันที่จะดูดออกมา โดยในขณะดูดคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะได้ทำการฉีดยาชาแล้ว

การดูดไขมันด้วย VASER ต้องใช้เวลาพักฟื้นกี่วัน?

ระยะเวลาสำหรับการพักฟื้นภายหลังจากการดูดไขมัน จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตำแหน่งที่ดูด จำนวนบริเวณที่ดูด รวมถึงปริมาณไขมันที่ดูดออกมา ซึ่งอาจใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 1 – 14 วันโดยประมาณ ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงแรกอาจจะเกิดอาการบวมและรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วคนไข้จะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เช่น การทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ หรือการทำงานในออฟฟิศ แต่สำหรับผู้ที่ทำงานซึ่งต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นหลัก ก็อาจจะต้องหยุดพักไปก่อน ซึ่งจะหมายรวมถึงการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาบางประเภทด้วย ทั้งนี้ หากต้องการทราบระยะเวลาในการพักฟื้นหรืองดทำกิจกรรมบางอย่างที่แน่นอน ก็สามารถสอบถามกับแพทย์ผู้ทำการรักษาได้

ภายหลังจากดูดไขมันด้วย VASER จะต้องใส่ชุดกระชับนานแค่ไหน?

การใส่ชุดกระชับจะช่วยให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อในบริเวณที่ไขมันถูกดูดออกไปกระชับติดกัน เพราะการดูดไขมันออกไปจะทำให้เกิดเป็นโพรงช่องว่างขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สัดส่วนบริเวณนั้นเข้ารูปเร็วขึ้น และยังช่วยลดผลข้างเคียงบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นด้วย เช่น อาการบวมช้ำหรือผิวเป็นคลื่น

คนไข้ต้องสวมใส่ชุดกระชับตลอด 24 ชม. ในระยะเวลา 1 เดือนแรกภาย หลังจากนั้นให้ใส่ชุดกระชับเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมงในตอนกลางวันที่มีการขยับตัวทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ

การดูดไขมันด้วย VASER ปลอดภัยหรือไม่?

สำหรับผู้ที่สงสัยว่า “การดูดไขมันอันตรายไหม?” ก็ต้องขอบอกเลยว่า การดูดไขมันด้วย VASER ไม่อันตรายค่ะ และถือว่าเป็นวิธีการกำจัดไขมันที่มีความปลอดภัยสูง หากทำโดยศัลยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ ในคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน

ทั้งนี้ การดูดไขมัน อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยที่สามารถพบได้เป็นปกติ เช่น อาการบวม รอยช้ำ หรือความไม่สบายบางประการในบริเวณที่ไขมันถูกดูดออกมา ทั้งนี้ การดูดไขมันที่ KKC Clinic จะอยู่ภายใต้การดูแลของศัลยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน รวมถึงปัจจัยในเรื่องเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความแม่นยำของเครื่อง VASER Smooth 2.2 ที่เราเลือกใช้ ทำให้ผลข้างเคียงดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และไม่รุนแรง ทั้งนี้ คนไข้จะได้รับคำปรึกษาเรื่องผลข้างเคียงต่าง ๆ รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ในขั้นตอนการพบแพทย์ก่อนเสมอ

เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงและภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย คนไข้ควรปฎิบัติตัวตามวิธีการเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน และวิธีการดูแลตัวเองภายหลังจากการดูดไขมัน ดังนี้

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการดูดไขมัน

  • เตรียมข้อมูลสุขภาพของท่านเพื่อแจ้งกับแพทย์ เช่น โรคประจำตัว ยาที่แพ้ หรือยาที่รับประทานเป็นประจำ
  • งดทานยาและอาหารเสริมบางชนิด เพราะอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้ตับกำจัดยาชาได้ช้าลง อาจเกิดภาวะยาชาเป็นพิษ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน น้ำมันตับปลา และวิตามินซี อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชม.
  • เช็กวันที่มาของรอบเดือน ไม่ให้ตรงกับวันที่เข้ารับการดูดไขมัน
  • คนไข้ควรอาบน้ำ สระผม และชำระล้างร่างกายให้สะอาดเรียบร้อย ก่อนมาเข้ารับการดูดไขมัน
  • ในวันที่เข้ารับการดูดไขมัน คนไข้ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายหรือมีความหลวม รวมถึงเลือกชุดที่สามารถใส่ – ถอดได้โดยไม่ถูกแผล หรือเตรียมชุดในลักษณะดังที่กล่าวมานี้เพื่อเปลี่ยนในภายหลัง

ภายหลังจากเข้ารับการดูดไขมันแล้ว คนไข้ควรพักสังเกตอาการอย่างน้อย 30 นาทีหรือตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ หากไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น คนไข้ก็สามารถกลับบ้านได้ทันที ซึ่งหลังจากที่คนไข้กลับบ้านไปแล้ว คนไข้ควรดูแลตัวเองตามวิธีดังต่อไปนี้

  • ทำความสะอาดแผลทุกวัน ตามคำแนะนำของแพทย์
  • ห้ามให้แผลโดนน้ำเป็นระยะเวลา 7 วัน หรือจนกว่าจะทำการตัดไหม
  • สวมใส่ชุดกระชับตามระยะเวลาที่กำหนด
  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ งดทานยาและอาหารเสริมบางชนิด รวมถึงงดทานอาหารหมักดอง อาหารทะเล อาหารดิบ และอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ (หากไม่แน่ใจ ให้สอบถามกับแพทย์ผู้ทำการรักษา)
  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมบางอย่างที่ต้องอาศัยการขยับตัวมาก ๆ เช่น การออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาบางประเภท รวมถึงการยกของหนัก ๆ
  • ทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งและมาพบแพทย์ทุกครั้งตามนัดหมาย รวมถึงรีบกลับมาพบแพทย์หากมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น

ผลลัพธ์ของการดูดไขมันด้วย VASER จะถาวรหรือไม่?

การดูดไขมันจะช่วยกำจัดเซลล์ไขมันส่วนเกินในบริเวณต่าง ๆ ออกไปได้อย่างถาวร และทำให้เซลล์ไขมันกลับมาสร้างใหม่ได้ยาก จึงให้ผลลัพธ์เรื่องของสัดส่วนที่ลดลงในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้ยาวนานขึ้น คนไข้จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เซลล์ไขมันที่เหลืออยู่ขยายตัวใหญ่ขึ้นหรือมีการสร้างเซลล์ไขมันให้กลับมาสะสมใหม่อีกครั้ง

ภายหลังจากการดูดไขมันด้วย VASER ผิวจะหย่อนคล้อยหรือไม่?

ตามปกติแล้ว หากเป็นผู้ที่มีผิวหนังกระชับดีอยู่แล้ว การดูดไขมันกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะไม่ทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือผิวย้วย เพราะแพทย์จะทำการประเมินให้ปริมาณไขมันที่ถูกดูดออกมาไม่เยอะมากจนเกินไป ทั้งนี้ การดูแลตัวเองอย่างการใส่ชุดกระชับตามระยะเวลาที่กำหนดก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้เช่นกัน

หากเป็นผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง แพทย์ก็จะแนะนำให้ทำการดูดไขมันร่วมกับโปรแกรม J-Plasma ซึ่งจะช่วยยกกระชับผิวภายหลังจากที่ไขมันถูกดูดออกไปแล้ว โดยรายละเอียดของโปรแกรม J-Plasma จะขอกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป

หากเป็นผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก ๆ หรือผิวหนังหน้าท้องหนามาก ๆ แพทย์ก็อาจจะแนะนำให้ทำการดูดไขมันร่วมกับการผ่าตัดตกแต่งหนังหน้าท้อง เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าท้องหย่อนคล้อยหรือยืดย้วยออกมา รวมถึงสามารถผ่าตัดตกแต่งหนังหน้าท้องในผู้ที่ดูดไขมันออกมาเป็นปริมาณมาก ๆ ได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ คนไข้ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์และประเมินหาแนวทางการรักษาซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อไป

J-Plasma คืออะไร ทำไมถึงควรทำร่วมกับการดูดไขมัน?

โปรแกรม J-Plasma คือ โปรแกรมที่จะช่วยยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อย โดยใช้พลังงานของฮีเลียมพลาสมา (Helium Plasma) หรือก๊าซเฉื่อยความเย็น ร่วมกับพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency – RF) ทำให้เส้นใยโครงสร้างผิวหนังและเนื้อเยื่อต่าง ๆ หดตัวลง รวมไปถึงเนื้อเยื่อในโพรงชั้นผิวหนังที่มีช่องว่างหลังจากไขมันถูกดูดออกไปแล้ว ก็จะหดรัดตัวลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ผิวหนังของเราจึงจะกระชับขึ้นทันที

โปรแกรม J-Plasma จะใช้การสอดท่อพลังงานเข้าไปทางแผลเดียวกับที่ใช้เครื่อง VASER ดูดไขมันออกมา ดังนั้น เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและคงอยู่เป็นระยะเวลานาน จึงควรทำการดูดไขมันด้วย VASER พร้อมกับโปรแกรม J-Plasma โดยผลลัพธ์ของการทำทั้ง 2 โปรแกรมควบคู่กัน จะเห็นได้ภายหลังจากอาการบวมที่เริ่มยุบลงในระยะเวลา 1 เดือน และเห็นสัดส่วนที่ชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 2 เดือน

การดูดไขมันด้วย VASER ที่ KKC Clinic มีราคากี่บาท?

สำหรับคนที่กังวลว่า “การดูดไขมันหน้าท้องจะมีราคาแพงไหม?” ก็ต้องบอกว่าการดูดไขมันที่ KKC Clinic มีราคาไม่แพงค่ะ โดยราคาสำหรับการดูดไขมันบริเวณลำตัวที่ KKC Clinic จะเริ่มต้นที่จุดละ 39,900 บาท เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และน่อง ในขณะที่ราคาสำหรับการดูดไขมันบริเวณใบหน้าและลำคอ เช่น แก้มบนและเหนียง จะเริ่มต้นที่จุดละ 29,900 บาท ทั้งนี้ สำหรับคนไข้ที่ต้องการทราบว่าดูดไขมันแบบเหมาทั้งตัวมีราคาอยู่ที่เท่าไหร่ แนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อนับจำนวนจุดที่ต้องดูดไขมันก่อนค่ะ

ค่าใช้จ่ายในคนไข้แต่ละคนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการประเมินของศัลยแพทย์และความต้องการของคนไข้ โดยตัวอย่างปัจจัยที่กำหนดค่าใช้จ่ายได้แก่ ตำแหน่งและจำนวนบริเวณที่ต้องดูดไขมัน ดังนั้น ก่อนเข้ารับการดูดไขมันที่ KKC Clinic คนไข้จะได้รับการวิเคราะห์และประเมินรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ภายหลังการรักษาที่ดีที่สุดตามที่คนไข้ต้องการ รวมถึงทราบค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างชัดเจน

ทำไมต้องดูดไขมันที่ KKC Clinic?

ภาพคอลลาจ 5 ภาพแสดงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่กำลังทำการดูดไขมันด้วย VASER รวมถึงต้นแขน ต้นขา ใบหน้า และหน้าท้อง แพทย์ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ทำการดูดไขมัน และร่างกายของผู้ป่วยมีการมาร์กเพื่อเตรียมการดูดไขมันที่ KKC Clinic

สามารถพบกันได้บ่อย ๆ กับคำถามที่ว่า “ดูดไขมันหน้าท้องที่ไหนดี?” คำตอบก็ต้องเป็นที่ KKC Clinic ค่ะ เพราะเราทำการดูดไขมันโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน รวมถึงทำการกำจัดไขมันด้วยเครื่อง VASER Smooth 2.2 ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยอย่างการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ในการสลายไขมันก่อนดูดออกมา นอกจากนี้ เรายังเป็นคลินิกที่ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัย และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวต่างชาติ เห็นได้จากรีวิวจำนวนมากจากลูกค้าที่พึงพอใจในผลลัพธ์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมัน

การดูดไขมันดีไหม?

การดูดไขมันเป็นวิธีการกำจัดไขมันส่วนเกินสะสมเฉพาะจุดที่ดีค่ะ เพราะช่วยกำจัดไขมันได้อย่างรวดเร็ว เห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันที และที่สำคัญคือการดูดไขมันที่ KKC Clinic จะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและมีความปลอดภัยค่ะ

การดูดไขมันจะทำให้รู้สึกเจ็บไหม?

ในขั้นตอนการดูดไขมันด้วย VASER จะมีการให้ยาชาเฉพาะที่กับบริเวณที่ต้องการดูดออกมาก่อน ซึ่งคนไข้อาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในขั้นตอนนี้

การดูดไขมันหน้าท้องอันตรายไหม?

การดูดไขมันหน้าท้องที่ KKC Clinic ไม่อันตรายค่ะ เพราะเราทำการดูดไขมันโดยศัลยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ในคลินิกที่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย

สรุปเรื่องการดูดไขมัน

การดูดไขมัน คือการดูดเอาเซลล์ไขมันส่วนเกินที่สะสมตามจุดต่าง ๆ บนร่างกายออกมา โดยที่ KKC Clinic จะใช้วิธีการดูดไขมันด้วย VASER คือใช้เครื่อง VASER Smooth 2.2 ที่มีเทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวด์ในการทำให้ไขมันแตกตัวก่อนดูดออกมา ทำให้สามารถดูดออกมาได้อย่างนุ่มนวล ก่อให้เกิดการบวมช้ำน้อย ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน รวมถึงดูดออกมาได้เป็นปริมาณมากอย่างละเอียดและแม่นยำ ทั้งนี้ การดูดไขมันเป็นเพียงการปรับลดสัดส่วน ไม่ใช่การลดน้ำหนัก จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป หากสงสัยว่า “เราจะสามารถดูดไขมันได้หรือไม่?” หรือ “ควรดูดไขมันบริเวณไหนบ้าง?” แนะนำให้มาเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ KKC Clinic นะคะ

พบกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดูดไขมันด้วย VASER และการทำ J-Plasma

Dr. Khongkwan Fujitnirun

พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์

Dr. Peerajed Chaiyasuk

นพ.พีรเจษฏ์ ไชยสุข

Dr. Worawan Techasomboon

พญ.วรวรรณ เตชะสมบูรณ์