Botulinumtoxin (Botox) ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย

ปัจจุบันนี้การเสริมความงามที่ได้รับความนิยมสูงมากที่หลายๆคนให้ความสนใจและนิยมทำกันมากก็คือ การฉีดโบท็อก เนื่องจากความสามารถในการลดริ้วรอย ยกกระชับใบหน้าและลำคอ รวมถึงสามารถลดขนาดของกล้ามเนื้อต่างๆ แต่หลายๆคนยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำโบท็อก ดังนั้นเราจะมาอธิบายถึงเรื่องนี้กัน
Botox คืออะไร
Botulinum Toxin นั้นเป็นสารที่ได้จากการผลิตของแบคทีเรียที่ชื่อว่า Clostridium botulinum ถูกค้นพบในปี 1960 โดยศัลยแพทย์ Alan B Scott ที่ Smith-Kettlewell Eye Research Foundation ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ใช้นำมารักษาเกี่ยวกับอาการกล้ามเนื้อหดตัวแบบผิดปกติแล้วได้รับผลลัพธ์ที่ดี
เนื่องจาก Botulinum Toxin นั้นมีผลในการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งผลพลอยได้จากการคลายตัวของกล้ามเนื้อก็คือริ้วรอยของผิวลดเลือนลง
นอกจากนี้โบท็อกยังช่วยทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลง จึงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเล็กลงจึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้า จึงเป็นเหตุให้ Botulinum Toxin ได้รับการพัฒนาเพื่อนำมาใช้ในวงการความงามและได้มีการถือกำเนิดผลิตภัณฑ์จาก Botulinum Toxin ขึ้นมาที่มีชื่อทางการค้าว่า Botox® นั่นเอง
ทำให้หลายๆคนมักจะเรียก Botulinum Toxin แบบสั้นๆว่า Botox (โบท็อก) และในหลายประเทศก็เริ่มมีการนำ Botulinum Toxin ไปพัฒนาจึงทำให้มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลายมากขึ้น นับตั้งแต่ปี 2010 องค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้มีการอนุมัติให้ผลิตภัณฑ์จาก Botulinum Toxin ทั้งหมด 5 ชนิดด้วยกัน ได้แก่
- Botox® (onabotulinumtoxin A) จากบริษัท Allergan Inc ประเทศสหรัฐอเมริกา
- Xeomin® (incobotulinumtoxin A) จากบริษัท Merz Pharmaceuticals GmbH ประเทศเยอรมนี
- Dysport® (abobotulinumtoxin A) จากบริษัท Ipsen Ltd สหราชอาณาจักร
- Myoblic® (rimabotulinumtoxin B) จากบริษัท Solstice Neurosciences Inc ประเทศสหรัฐอเมริกา
- Nabota® (Botulinum Toxin type A) จากบริษัท DN Company Ltd ประเทศเกาหลี
หลักการทำงานของ Botox
การทำงานของโบท็อกคือ หลังจากการฉีดเข้าสู้กล้ามเนื้อ โบท็อกจะออกฤทธิ์ที่บริเวณรอยต่อระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ฤทธิ์ของโบท็อกจะเข้าไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทเพื่อลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวก็จะทำให้ผิวบริเวณนั้นมีริ้วรอยจางลงและมีการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้า โดยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังการทำประมาณ 2-3 วัน แต่ฤทธิ์ของโบท็อกนั้นไม่ถาวร เพื่อให้ฤทธิ์ยังคงอยู่จึงควรมีการฉีดซ้ำ

ข้อดีของการฉีดโบท็อก
- สามารถลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ลดรอยตีนกา ร่องแก้ม รอยย่นบนหน้าผาก
- ปรับกรอบหน้าให้หน้าเรียว ได้รูป สามารถใช้โบท็อกลดกรามและโหนกแก้ม รวมถึงรัดแกนจมูกให้เป็นสันคมขึ้น
- ลดปัญหาเหงื่อออกมากเกินไป เช่น มือ เท้า และโดยเฉพาะบริเวณรักแร้เพื่อลดปัญหาเหงื่อและกลิ่นตัว
- ลดกล้ามแขนและน่องให้เล็กลง
อาการหลังจากฉีดโบท็อก
- หลังจากการฉีดโบท็อกแล้วอาจมีอาการปวด บวม หรือมีรอยช้ำตรงบริเวณที่ฉีด ในบางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ แต่อาการเหล่านี้จะสามารถหายได้เองภายใน 1-3 วัน
- รู้สึกถึงความตึงของใบหน้า หรือรู้สึกหนักหน้าหลังจากการฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายได้เองหลังจากฉีดประมาณ 3-5 วัน
Botox สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
การฉีดโบท็อกนั้นจะเป็นการฉีดตามไลน์กล้ามเนื้อ สามารถฉีดได้ทั้งชายและหญิง โดยบริเวณที่นิยมฉีดจะมีดังนี้
- ขมับ
- หน้าผาก
- หางตาและหางคิ้ว (บริเวณรอยตีนกา)
- สันจมูก
- รอบริมฝีปาก
- คาง
- คอ
- รักแร้
ทำไมฉีดโบท็อกแล้วหน้าแข็ง
การฉีดโบท็อกแล้วหน้าแข็งเกิดจากการฉีดในปริมาณที่มากเกินไปจึงทำให้กล้ามเนื้อแข็งเกินพอดีจึงมีผลกระทบต่อการแสดงสีหน้าและอารมณ์ หากต้องการให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติควรฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในปริมาณที่เหมาะสม

การฉีดโบท็อกปลอดภัยไหม
การฉีดโบท็อกนั้นมีความปลอดภัยสูง หากฉีดในสถานบริการที่มีมาตรฐานและเป็นโบท็อกแท้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา
ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อก
ถึงแม้ว่าการฉีดโบท็อกจะมีความปลอดภัยสูงมาก แต่ในบางรายอาจจะมีอาการแพ้ หากหลังการฉีดแล้วมีอาการคัน ผื่นขึ้น บวม แดง หายใจไม่ออก เวียนศีรษะ หรือเป็นลม หากคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้หลังฉีดโบท็อกให้รีบแจ้งแพทย์ทันที
การดูแลตัวเองหลังจากฉีดโบท็อก
- หลังจากการฉีดโบท็อก ควรขยับกล้ามเนื้อหลังฉีดทันที 1-2 ครั้ง
- งดนอนราบอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงหลังการฉีด
- งดการทำทรีทเมนต์หรือการนวดกดจุดในบริเวณที่มีการฉีดโบท็อกเป็นเวลา 7 วัน
- งดรับประทานอาหารรสจัด อาหารหมักดอง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกสลายเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
- งดการอยู่ในที่อากาศร้อน ไม่ว่าจะเป็นกลางแจ้ง หรือร้านหมูกระทะ ชาบู หรือการทำซาวน่า
- งดการทาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่ของสารที่กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA หรือ Retinoids เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองผิวหลังจากการฉีดโบท็อกประมาณ 3 วัน
- หากมีรอยช้ำจากการฉีด ไม่ควรประคบร้อน เพราะรอยช้ำสามารถหายได้เองใน 14 วัน
ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกอยู่ได้นานเท่าไร
ผลลัพธ์หลังจากการฉีดโบท็อกจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนหลังจากการฉีด 2-3 วันในด้านของริ้วรอย ส่วนในด้านของการปรับรูปหน้าจะเริ่มเห็นผลลัพธ์เมื่อผ่านไปประมาณ 2-4 สัปดาห์
อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกสามารถอยู่ได้นาน 3-6 เดือน และควรฉีดซ้ำเมื่อทุก 5-6 เดือน เพื่อให้ผลของโบท็อกยังคงอยู่ และเมื่อมีการฉีดอย่างต่อเนื่องจะช่วยทำให้เป็นการชะลอการเกิดริ้วรอยร่องลึกของผิวได้อีกด้วย
วิธีการหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกปลอม
การเลือกฉีดโบท็อกจึงควรเลือกสถานบริการที่มีความน่าเชื่อถือ โดยสามารถขอแพทย์ผู้ให้บริการแสดงกล่องโบท็อกว่ามีเลขที่จดแจ้งกับทาง อ.ย. หรือไม่ และที่กล่องจะต้องมีฉลากภาษาไทยที่ระบุถึงเลข lot no.
โดยที่กล่องและขวดที่บรรจุโบท็อกจะต้องมีเลขที่ตรงกัน แล้วควรให้แพทย์ทำการผสมโบท็อกต่อหน้าคุณเพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่มีการสลับเปลี่ยนนำโบท็อกปลอมหรือโบท็อกเก่ามาใช้
ขั้นตอนการรับบริการฉีด Botox ที่ KKC Clinic
- เข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อประเมินว่าควรจะต้องฉีดโบท็อกบริเวณใดบ้าง และจะต้องใช้ทั้งหมดกี่ยูนิตเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับใบหน้าของผู้เข้ารับบริการมากที่สุด หากมีข้อสงสัยใดๆ หรือกำลังอยู่ในช่วงการรักษาตัวแล้วมีการรับประทานยาให้แจ้งแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงในการทำ
- หลังจากเข้ารับการประเมินแล้วพบว่าสามารถเข้ารับบริการได้ แพทย์จะทำการอธิบายรายละเอียดในการทำ และการดูแลตนเองหลังจากเข้ารับบริการ
- ทำการนัดวันและเวลาในการรับบริการ
- เตรียมตัวก่อนการฉีดโบท็อกดังนี้
- งดยาและอาหารเสริมที่อาจทำให้เลือดไหลไม่หยุด หรือเกร็ดเลือดแข็งตัวช้า เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี แอสไพริน ไอบูโพรเฟน เพื่อป้องกันการเลือดไหลไม่หยุดหรือเกิดการช้ำของผิวง่าย
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีดโบท็อก
- ก่อนเข้ารับบริการ 3 วัน งดทาครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เช่น เรตินอยด์ (Retinoids) AHA หรือ BHA เพื่อป้องกันการเกิดอาการระคายเคืองผิว
- ก่อนวันนัดควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยประมาณ 6-8 ชั่วโมงเพื่อให้ผิวได้พักอย่างเต็มที่
- งดเจอแสงแดดหรืออยู่ในที่กลางแจ้งเพื่อหลีกเลี่ยงผิวไหม้แดดก่อนได้รับบริการ
- เมื่อถึงวันที่นัดเข้ารับบริการ เตรียมผิวด้วยการล้างหน้าให้สะอาดและไม่ต้องแต่งหน้าเพื่อให้การฉีดโบท็อกเป็นไปอย่างแม่นยำ ซึ่งในก่อนการฉีด แพทย์จะแสดงกล่องและบรรจุภัณฑ์ของโบท็อกและทำการผสมก่อนที่จะฉีดเพื่อให้ผู้ได้รับบริการมั่นใจว่าโบท็อกที่ฉีดนั้นเป็นของแท้และเป็นของใหม่แน่นอน
- แพทย์ทำการฉีดโบท็อกตามจุดที่กำหนดไว้ โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด
- หลังเข้ารับบริการแล้วสามารถกลับบ้านได้เลยโดยไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งผู้ได้รับบริการควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและให้โบท็อกออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด หากเกิดอาการบวมหรือช้ำสามารถใช้การประคบเย็นเข้าช่วยได้

ทำไมต้องฉีดโบท็อกกับ KKC Clinic
ปัจจัยที่สำคัญในการเลือกฉีดโบท็อกนั่นก็คือความเชี่ยวชาญของแพทย์ เนื่องจากการฉีดโบท็อกนั้นหากมีการคำนวณปริมาณและจุดที่จะฉีดคลาดเคลื่อนหรือไม่เหมาะสมกับใบหน้าของผู้ที่ได้รับบริการก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกใจและอาจมีปัญหาหน้าแข็ง ไม่สามารถแสดงสีหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
KKC Clinic เราเป็นคลินิกเสริมความงามครบวงจรที่ได้รับรางวัล Golden Record Award 2022 จากจำนวนการใช้งาน Xeomin® หรือ incobotulinumtoxin A จากประเทศเยอรมนีสูงสุดอันดับ 1 ของประเทศไทย และเป็นรางวัลการันตีระดับทวีปเอเชียแปซิฟิก จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ถึงความไว้วางใจและความมั่นใจในความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ KKC Clinic ของเรา
นอกจากนี้แล้วเรายังเป็นสถานบริการที่ให้บริการแก่ลูกค้าด้วยมาตรฐานระดับสากล มีประสบการณ์การดูแลด้านความงามอย่างยาวนานกว่า 16 ปี เปิดให้บริการมากกว่า 15 สาขาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ มีการนำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดมาบริการให้ลูกค้าเสมอ
ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลทั้งในเรื่องของคุณภาพของโบท็อกที่ใช้ และยังมั่นใจได้ในเรื่องของผลลัพธ์และความปลอดภัย
สรุปการฉีด Botox
การฉีดโบท็อกนั้นเป็นการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอยร่องลึก ปรับรูปหน้า ลดกรามและโหนกแก้ม โดยมีหลักการคือ โบท็อกจะเข้าไปช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งให้คลายตัวจึงทำให้ริ้วรอยของผิวลดเลือนลง
หากฉีดที่กล้ามเนื้อ เช่น บริเวณกราม โหนกแก้ม ต้นแขน หรือน่องก็จะช่วยลดการขยับของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจึงทำให้ขนาดของกล้ามเนื้อเล็กลง ซึ่งในปัจจุบันนี้มีโบท็อกมากมายหลายยี่ห้อจากหลากหลายประเทศ
แต่โบท็อกที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน นั่นคือ Xeomin® จากประเทศเยอรมนี ที่ได้รับการยอมรับในแง่ประสิทธิภาพที่เห็นผลได้ชัดเจน มีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา
รวมถึงใช้กันแพร่หลายมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะแถบยุโรป และที่ KKC Clinic เราได้รับรางวัล Golden Record Award 2022 จากจำนวนการใช้งาน Xeomin® สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย
จึงเป็นการการันตีถึงความมั่นใจและความพึงพอใจจากการได้รับการบริการฉีดโบท็อกจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา หากใครสนใจสามารถติดต่อเพื่อขอรับคำปรึกษาหรือจองคิวได้เลย KKC Clinic ยินดีให้บริการทุกท่าน
Q&A ตอบคำถามเรื่อง Botox กับ KKC Clinic
จะรู้ได้อย่างไรว่าโบท็อกที่ใช้นั้นเป็นของแท้หรือของปลอม
การตรวจว่าโบท็อกที่ใช้เป็นของแท้หรือปลอมนั้นสามารถดูได้จากฉลากจะต้องมีภาษาไทย มีเลขจดแจ้ง อ.ย. ที่ตรงกันทั้งที่กล่องและที่ขวด และจะต้องมีการผสมโบท็อกต่อหน้าผู้รับบริการเพื่อให้มั่นใจว่าแพทย์ได้มีการใช้ของแท้และเป็นของจริง
โบท็อกทำออกมาแล้วหน้าจะแข็ง หรือมีปัญหาในการขยับหน้าไหม
ช่วงประมาณ 3-4 วันแรกหลังจากการฉีดโบท็อกอาจจะมีอาการตึงหน้า แต่อาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง แต่หากยังไม่หายแสดงว่าได้รับปริมาณของโบท็อกมากเกินไปจึงทำให้เกิดอาการหน้าแข็ง ไม่สามารถแสดงสีหน้าได้อย่างธรรมชาติ
โบท็อกควรฉีดบ่อยแค่ไหน
การฉีดโบท็อกควรฉีดห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน แต่ไม่เกิน 6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์ของโบท็อก และเมื่อฉีดเป็นประจำจะเป็นการช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยด้วย
หากฉีดโบท็อกแล้วได้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ หรือมีอาการหน้าแข็ง ยิ้มแล้วปากเบี้ยว สามารถแก้ไขได้หรือไม่
หากฉีดโบท็อกแล้วไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หรือมีอาการปากเบี้ยว ตาตกจนเกิดความไม่มั่นใจให้รีบไปพบแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขภายในช่วง 2 สัปดาห์แรกเพราะถ้าหากปล่อยไว้นานเกิน 1 เดือน โบท็อกจะยิ่งออกฤทธิ์มากขึ้นทำให้ทำการแก้ไขได้ยาก
ค่าใช้จ่ายในการฉีดโบท็อกแพงไหม
ราคาการฉีดโบท็อกขึ้นอยู่กับปริมาณและบริเวณที่ฉีด หากสนใจสามารถติดต่อทาง KKC Clinic ได้เลย เรามีโปรโมชั่นดีๆรอคุณอยู่

อ้างอิง: