จะฉีดฟิลเลอร์ทั้งที มีอะไรที่ควรรู้บ้าง?

หญิงสาวสวยผมรวบตึง แต่งหน้าเปล่งประกาย ยืนข้างข้อความ 'ฟิลเลอร์คืออะไร แล้วมีเรื่องไหนที่ใครควรรู้บ้าง?' บนพื้นหลังสีขาว

การฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นทางลัดในการเสริมความงามอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันค่ะ เพราะมีประโยชน์ค่อนข้างหลากหลาย ช่วยแก้ปัญหาหน้าโทรมที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย และยังไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ใช้เวลาทำไม่นาน แถมยังเห็นผลทันทีหลังทำ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มจุดต่าง ๆ บนใบหน้าและร่างกายที่ยุบลงไป ช่วยรักษาริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเต่งตึง อิ่มฟู เรียบเนียน จึงทำให้หน้าเด็กลงค่ะ นอกจากนี้ ยังมีการฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกกระชับและปรับรูปหน้าด้วยนะคะ ซึ่งที่ KKC Clinic จะใช้เทคนิคการฉีดที่เรียกว่า Asian MD Codes ค่ะ

ผลลัพธ์ที่ได้อาจขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร?

ที่จริงแล้วฟิลเลอร์มีหลายประเภทค่ะ แต่คำว่า ‘ฟิลเลอร์’ ในที่นี้จะหมายถึงแค่ฟิลเลอร์แท้หรือ HA ที่สามารถสลายได้เท่านั้นนะคะ เพราะเป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัย และเป็นฟิลเลอร์ที่ KKC Clinic เลือกใช้ค่ะ

ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิก หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Hyaluronic Acid และนิยมเรียกย่อ ๆ ว่า ‘HA’ ซึ่งเป็นสารที่สามารถพบได้ในร่างกายของเรา แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะมีการผลิต HA ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้มีการคิดค้นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบ HA ซึ่งเข้ากับร่างกายของเราได้ดีขึ้นมาแทน ซึ่งก็คือ ‘ฟิลเลอร์’ นั่นเองค่ะ โดยฟิลเลอร์จะมีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวหนังยืดหยุ่น เต่งตึง อิ่มฟู และเรียบเนียน

ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ จึงเป็นการฉีด HA เข้าไปตามชั้นต่าง ๆ ใต้ผิวหนัง เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ยุบหรือหายไป เช่น ขมับหรือแก้มที่ตอบ เพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้กับบริเวณที่ต้องการ เช่น คางหรือริมฝีปาก และเพื่อทำให้ริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ตื้นขึ้น เช่น ร่องแก้มหรือร่องน้ำหมาก อีกทั้งยังสามารถใช้ฉีดเพื่อปรับโครงสร้างของใบหน้า เช่น ฉีดเพื่อทดแทนกระดูก ซึ่งจะช่วยยกกระชับและปรับรูปหน้าให้เรียวสวย อีกทั้งยังทำให้กรอบหน้าและสันกรามคมชัดได้อีกด้วยค่ะ

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คือ เป็นหัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด จึงใช้เวลาทำไม่นาน ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้น โดยหลังทำจะเห็นผลทันที ผลที่ได้มีความเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน ทั้งนี้ ฟิลเลอร์แท้ที่ KKC Clinic เลือกใช้ จะเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจากอย. จึงมีความปลอดภัยสูง เพราะสามารถสลายได้เอง 100% โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง หรือจะฉีดสาร Hyaluronidase เพื่อสลายก็สามารถทำได้เช่นกัน และหากฟิลเลอร์สลายไปแล้ว ก็สามารถกลับมาเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ เลยค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเรื่องอะไร?

ภาพระยะใกล้ของผู้หญิงขณะรับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณแก้ม โดยผู้เชี่ยวชาญที่สวมถุงมือที่ KKC Clinic

ที่จริงแล้วประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์นั้นมีหลากหลายเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแบบไหน เพื่อฉีดบริเวณใด ด้วยจุดประสงค์อะไร แต่หลัก ๆ แล้วเราสามารถใช้การฉีดฟิลเลอร์เพื่อช่วยในการเติมเต็มค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มในบริเวณที่ยุบลง บุ๋มลง ตอบลง หรือจะเป็นการใช้เติมเพื่อเพิ่มวอลลุ่มในบริเวณที่ต้องการก็ได้ค่ะ นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ยังช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอยกับร่องลึกต่าง ๆ ช่วยให้ผิวมีคุณภาพดีขึ้น มีความชุ่มชื้น เต่งตึง อิ่มฟู ยืดหยุ่น และเรียบเนียนมากขึ้น สุดท้ายคือช่วยในการยกกระชับและปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ รวมถึงสร้างกรอบหน้าและสันกรามที่คมชัดด้วยนะคะ

ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?

ภาพพอร์ตเทรตด้านหน้าของผู้หญิงใบหน้าเรียบสงบ สวมที่คาดผมแบรนด์ KKC Clinic บนพื้นหลังสีอ่อน

การฉีดฟิลเลอร์จะไม่เหมาะกับคนบางกลุ่มค่ะ เช่น คุณแม่ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และคนที่แพ้ HA หรือยาชาค่ะ ทั้งนี้ เมื่อดูจากประโยชน์ของฟิลเลอร์ตามที่ได้กล่าวมา การฉีดฟิลเลอร์จะเหมาะกับคนในกลุ่มนี้ค่ะ

  • คนที่ต้องการการเติมเต็มในจุดที่พร่องไป เช่น คนที่มีใต้ตาลึก ขมับตอบ ขมับยุบ แก้มตอบ 
  • คนที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มในจุดต่าง ๆ เช่น คนที่มีคางสั้น คางตัด หรือคนที่ต้องการเติมให้ริมฝีปากอวบอิ่ม
  • คนที่มีริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น คนที่มีตีนกา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
  • คนที่ใบหน้าหย่อนคล้อย รูปหน้าไม่เท่ากันหรือไม่ได้สัดส่วน กรอบหน้ากับสันกรามไม่คมชัด 
  • คนที่มีผิวแห้ง หยาบกร้าน ขาดความเต่งตึง ขาดความอิ่มฟู รวมถึงผิวไม่ยืดหยุ่นและไม่เรียบเนียน
  • คนที่อยากปรับเปลี่ยนใบหน้าให้สวย – หล่อตามต้องการ อยากให้หน้าดูสดใสและเด็กลง

นอกจากนี้ ในคนที่มีหลุมสิว หรือรอยแผลเป็นแบบผิวหนังยุบตัวลงไป ก็สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มได้ค่ะ แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้เพียงประมาณ 6 – 8 เดือน ทำให้ต้องกลับมาฉีดใหม่เรื่อย ๆ จึงไม่เหมาะกับคนที่อยากรักษาแบบถาวรค่ะ

ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง?

หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า นอกจากใบหน้าแล้ว ฟิลเลอร์ยังสามารถฉีดตามจุดต่าง ๆ บนร่างกายอย่างคอกับหลังมือได้ด้วยนะคะ แต่จุดที่คนมักจะนิยมฉีดกันก็จะมีดังนี้ค่ะ

  • ฟิลเลอร์หน้าผาก: ช่วยให้หน้าผากนูนสวยตามหลักโหงวเฮ้ง แก้ปัญหาหน้าผากมีร่อง ยุบ แบน ไม่มีมิติ โดยการเติมร่องหน้าผากจะใช้ประมาณ 1 – 2 cc แต่ถ้าเสริมให้นูนจะใช้ประมาณ 3 – 10 cc ค่ะ ซึ่งจะต้องแบ่งฉีดนะคะ
  • ฟิลเลอร์ขมับ: ช่วยเติมขมับให้เต็มขึ้น แก้ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ลดความเด่นของโหนกแก้ม โดยจะใช้ประมาณข้างละ 1 – 2 cc ค่ะ
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา: ช่วยเติมร่องและลดริ้วรอยใต้ตา แก้ปัญหาตาลึก ตาโหล ใต้ตาดำ รวมถึงถุงใต้ตา โดยจะใช้ประมาณ 1 – 3 cc ค่ะ
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา (Dolly Eye): ช่วยเสริมความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า ไม่ให้ดูโทรม ช่วยให้ใต้ตาตึงกระชับมากกว่าเดิม ไม่หย่อนคล้อย ช่วยให้ดวงตาดูโดดเด่นและอ่อนหวานมากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปใช้ฟิลเลอร์ประมาณข้างละ 0.5–1cc หรือทั้งสองข้างประมาณ 1-2 cc ค่ะ
  • ฟิลเลอร์แก้มส้ม: ช่วยเติมหน้าแก้มให้อิ่มฟู ยกกระชับหน้าแก้ม แก้ปัญหาหน้าแบน ไม่มีมิติ โดยจะใช้ประมาณข้างละ 1 cc ค่ะ
  • ฟิลเลอร์แก้มตอบ: ช่วยเติมแก้มตอบให้เต็มอิ่ม ลดความเด่นของโหนกแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงและสดใสขึ้น โดยจะใช้ประมาณ 1 – 4 cc ค่ะ
  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม: เติมร่องแก้มลึกให้ตื้นขึ้น ทำให้หน้าดูเด็กลง โดยจะใช้ประมาณ 1 – 2 cc ค่ะ
  • ฟิลเลอร์ปาก: ช่วยเติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม น่าจุ๊บ แก้ปัญหาปากบาง ปากแห้ง ปากเป็นร่อง ให้ปากเป็นกระจับหรือเป็นสายฝอตามต้องการ โดยจะใช้ประมาณ 1 – 2 cc ค่ะ
  • ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก: ช่วยเติมร่องลึกบริเวณมุมปากให้ตื้นขึ้น ลดริ้วรอย และยกมุมปากที่ตก โดยจะใช้ประมาณ 1 – 2 cc ค่ะ 
  • ฟิลเลอร์กรอบหน้า: ช่วยให้กรอบหน้าและสันกรามคมชัด แยกให้เห็นชัด ๆ ระหว่างหน้ากับคอ แก้ปัญหาใบหน้าไม่เท่ากัน ไม่ได้สัดส่วน โดยจะเริ่มต้นใช้ที่ 1 cc
  • ฟิลเลอร์คาง: ช่วยเติมให้คางยาวขึ้น แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม ทำให้ใบหน้าเรียวสวยมากขึ้น โดยจะใช้ประมาณ 1 cc ค่ะ
  • ฟิลเลอร์สะโพก: ช่วยเติมสะโพกให้เต็มขึ้น ตั้งสูงขึ้น และผายออกมากขึ้น แก้ปัญหาสะโพกบุ๋ม สะโพกบุบ ทำให้ช่วงเอวดูคอด และขาดูเรียวยาวมากขึ้น

ทั้งนี้ ปริมาณที่แน่นอนของฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ จะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์นะคะ

KKC Clinic ใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนบ้าง?

ยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ KKC Clinic เลือกใช้ จะเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและมีความปลอดภัยค่ะ เพราะเป็นฟิลเลอร์แท้ผ่านการรับรองจากอย. และนำเข้ามาอย่างถูกต้อง โดยจะมี 3 ยี่ห้อดังนี้ค่ะ

ฟิลเลอร์ Juvederm

กล่องฟิลเลอร์ Juvederm หลายกล่อง ประกอบด้วย Volux, Volift, Volbella, Volite, และ Voluma with Lidocaine วางซ้อนกันบนพื้นผิวหินอ่อนที่ KKC Clinic

Juvederm (จูวีเดิม) เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) ของบริษัท Allergan มีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตแบบ Hylacross และ Vycross รวมถึงมียาชาเป็นส่วนผสมทุกรุ่น โดยรุ่นที่ KKC Clinic เลือกใช้จะมีดังนี้ค่ะ

  • Juvederm Volux: ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เหมาะกับการฉีดขมับ, ใต้ตา, ร่องแก้มชั้นลึก, คาง และกรอบหน้า อยู่ได้นาน 18 – 24 เดือน
  • Juvederm Voluma: ฟิลเลอร์เนื้อแข็งและฟูปานกลาง เหมาะกับการฉีดขมับ, ใต้ตา, แก้มส้ม, แก้มตอบ, ร่องแก้ม, ปาก, คาง และกรอบหน้า อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Juvederm Volift: ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและละเอียด เหมาะกับการฉีดใต้ตา, ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก และปาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Juvederm Volbella: ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เหมาะกับการฉีดหน้าผาก, ใต้ตา และปาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Juvederm Volite: ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะกับการฉีดใต้ตา, ปาก (เพิ่มความชุ่มชื้น), ทั่วใบหน้า และคอ อยู่ได้นาน 8 – 12 เดือน

ฟิลเลอร์ Restylane

กล่องฟิลเลอร์ Restylane หลายกล่อง ประกอบด้วย Lyft, Kysse, Volyme, Refyne และ Skinboosters Vital Light with Lidocaine วางซ้อนกันบนพื้นผิวหินอ่อนที่ KKC Clinic

Restylane (เรสเทอเลน) เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน ของบริษัท Galderma มีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีในการผลิตแบบ Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid (NASHA) และ Optimal Balance Technology (OBT) โดยรุ่นที่ KKC Clinic เลือกใช้จะมีดังนี้ค่ะ

  • Restylane Vital Light: ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและละเอียด เป็น Skin Booster เหมาะกับการฉีดใต้ตา (นิยมมาก), ปาก และมือ อยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน
  • Restylane Classic: ฟิลเลอร์เนื้อแข็งปานกลาง เหมาะกับการฉีดร่องระหว่างคิ้ว, ใต้ตา, แก้มส้ม, ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก และปาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Perlane Lyft: ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เหมาะกับการฉีดขมับ, ใต้ตา, จมูก, แก้มตอบ, แก้มส้ม, กรอบหน้า และคาง อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Refyne: ฟิลเลอร์เนื้อยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการฉีดร่องระหว่างคิ้ว, ตีนกา, ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก และปาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Volyme: ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เหมาะกับการฉีดหน้าผาก, ขมับ, ใต้ตา, แก้มตอบ, แก้มส้ม, ร่องแก้ม, มุมปาก และปาก อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Restylane Kysse: ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและละเอียด ใช้สำหรับฉีดปากโดยเฉพาะ อยู่ได้นาน 12 เดือน

ฟิลเลอร์ Belotero

กล่องฟิลเลอร์ Belotero สามกล่อง ประกอบด้วย Volume, Intense และ Revive with Lidocaine วางเรียงบนพื้นผิวหินอ่อนที่ KKC Clinic

Belotero (เบโลเทโร่) เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetics Thailand มีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีในการผลิตแบบ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของแบรนด์ และยังมีจุดเด่นที่สีกล่องซึ่งแตกต่างกันในแต่ละรุ่นอีกด้วย โดยรุ่นที่ KKC Clinic เลือกใช้จะมีดังนี้ค่ะ

  • Belotero Soft (กล่องสีเหลือง): ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและละเอียดเพื่องานผิว เหมาะกับการฉีดหน้าผาก, ตีนกา, ใต้ตา และปาก (เพิ่มความชุ่มชื้น) อยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน
  • Belotero Volume (กล่องสีม่วง): ฟิลเลอร์เนื้อยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะกับการฉีดขมับ,  ใต้ตา, แก้มตอบ, แก้มส้ม และคาง อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Belotero Revive (กล่องสีเขียว): ช่วยในเรื่องความชุ่มชื้นและอิ่มฟู เหมาะกับการฉีดทั่วใบหน้า, ใต้ตา, ปาก, คอ และมือ อยู่ได้นาน 6 – 9 เดือน

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ที่ KKC Clinic

ผู้หญิงแสดงสีหน้าอย่างผ่อนคลายขณะรับการดูแลผิวหน้าด้วยแปรงทา สวมที่คาดผมแบรนด์ KKC Clinic

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ที่ KKC Clinic คนไข้จะต้องเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาก่อนค่ะ โดยแพทย์จะสอบถามถึงเรื่องที่คนไข้กังวลใจ ผลลัพธ์ที่อยากได้ รวมถึงวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าและปัญหาต่าง ๆ ของคนไข้ เพื่อประเมินถึงแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด เช่น ต้องฉีดฟิลเลอร์ตรงจุดไหนบ้าง ใช้ฟิลเลอร์รุ่นและยี่ห้ออะไร ปริมาณเท่าไหร่ รวมถึงฉีดด้วยเทคนิคใด จากนั้นแพทย์ก็จะทำการกำหนดจุดที่จะใช้ฉีดฟิลเลอร์บนใบหน้าค่ะ

เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการฉีด ผู้ช่วยแพทย์ก็จะทำความสะอาดผิวให้คนไข้แล้วแปะยาชา จากนั้นแพทย์จะแกะกล่องฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดให้คนไข้ดู เพื่อให้คนไข้มั่นใจได้ว่าเราใช้แต่ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์ก็จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์ลงตามจุดต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ โดยระหว่างนี้จะมีการประคบเย็นเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดไปด้วยค่ะ ทั้งนี้ เวลาที่ใช้ก็จะขึ้นอยู่กับจำนวนจุดที่ฉีด เทคนิคการฉีดของแพทย์ และปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้ค่ะ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 45 นาที ซึ่งยังไม่รวมเวลาที่รอให้ยาชาออกฤทธิ์นะคะ

ภายหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ คนไข้จะสามารถเห็นผลลัพธ์และความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีค่ะ หากคนไข้ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น ก็สามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตตามปกติได้โดยไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องทำตามวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ด้วยนะคะ

ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามหลังจากฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

เมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว คนไข้ก็ควรทำตามวิธีการปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) รวมถึงระวังในเรื่องข้อห้ามต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ

  • งดจับ กด นวด แกะ เกา ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ไม่ควรพยายามปั้นทรงฟิลเลอร์เอง
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าใน 24 ชม.แรก
  • งดออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาหนัก ๆ อย่างน้อย 48 ชม.
  • ควรอยู่ในที่เย็น ๆ หลีกเลี่ยงการโดนแดดหรืออยู่ในที่ที่มีอากาศร้อน ๆ เช่น ซาวน่า ออนเซ็น ร้านหมูกระทะ อย่างน้อย 48 ชม.
  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 3 วัน
  • งดกินอาหารดิบ อาหารหมักดอง อาหารรสจัด รวมถึงอาหารที่อยู่หน้าเตาร้อน ๆ เช่น หมูกระทะ ชาบู ปิ้งย่าง อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดทำหัตถการที่ใช้ความร้อน เช่น เลเซอร์กำจัดขน หรือ Thermage และ Ultherapy ประมาณ 1 เดือน
  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ อย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • กินยาและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงรีบกลับมาพบแพทย์หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น

ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุด อาจมีข้อปฏิบัติและข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์แยกย่อยลงไปอีก เช่น ไม่ควรขยี้ตา ไม่ควรนั่งเท้าคาง ไม่ควรใส่หมวกกันน็อคที่รัดแน่น ๆ ซึ่งคนไข้สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความการฉีดฟิลเลอร์ของจุดนั้น ๆ ค่ะ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์

ภายหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ สามารถมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ค่ะ โดยจะมีผลข้างเคียงที่พบได้เป็นปกติ และผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตราย หรือจะเรียกว่าภาวะแทรกซ้อนหลังการฉีดฟิลเลอร์ก็ได้ค่ะ

ผลข้างเคียงที่พบได้เป็นปกติ

อาจมีรอยเข็ม อาการปวด บวม ช้ำ ซึ่งสามารถพบได้เป็นปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ค่ะ โดยจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2 – 3 วัน และหายไปเองใน 7 – 14 วัน แต่ถ้ารู้สึกว่ามีอาการเหล่านี้มากจนผิดปกติ ก็ควรรีบไปพบแพทย์นะคะ

ผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตราย

  • แพ้ฟิลเลอร์: อาการแพ้ฟิลเลอร์มักพบในคนที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมค่ะ มีโอกาสน้อยมาก ๆ ที่จะพบในคนที่ฉีดฟิลเลอร์แท้ โดยอาการแพ้ก็เช่น จุดที่ฉีดบวมแดงมาก ๆ หรือมีผื่นคัน
  • ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์เป็นก้อน: อาจเกิดจากการที่แพทย์ใช้ฟิลเลอร์ในรุ่นและยี่ห้อที่ไม่เหมาะสม ใช้ปริมาณมากเกินไป หรือฉีดผิดจุดค่ะ ซึ่งหากเป็นการฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ ก็จะสามารถฉีดสลายได้ค่ะ
  • ฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด: อาจเกิดจากการที่แพทย์ขาดความเชี่ยวชาญในการฉีดค่ะ ทำให้ฉีดพลาดไปเข้าเส้นเลือด ซึ่งสามารถทำให้เกิดเนื้อตายได้ หรือถ้าเป็นจุดที่มีเส้นเลือดเชื่อมไปยังดวงตา ก็สามารถทำให้ตาบอดได้ค่ะ สังเกตได้จากจุดที่ฉีดมีสีซีด ขาว ม่วง หรือแดง
  • การติดเชื้อ: อาจเกิดจากการที่อุปกรณ์และสถานที่ที่ใช้ในการฉีดไม่สะอาดเพียงพอค่ะ อาการก็เช่น จุดที่ฉีดเป็นก้อน นูน แดง ปวด บวม ร้อน รวมถึงมีตุ่มหรือมีหนองค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ราคาเท่าไหร่?

ราคาสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ที่ KKC Clinic จะเริ่มต้นที่ 15,000 บาทค่ะ โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับปัจจัย เช่น จำนวนจุดที่ฉีด รุ่น ยี่ห้อ และปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้ ซึ่งจะทราบได้จากการประเมินของแพทย์ค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี?

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและมีข้อดีมากมาย แต่ก็สามารถเกิดผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายหรือภาวะแทรกซ้อนได้ค่ะ ดังนั้น การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคิดให้ดีก่อนตัดสินใจนะคะ

ที่ KKC Clinic เราเลือกใช้แต่ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับความนิยมและผ่านการรับรองจากอย.ค่ะ อีกทั้งยังเป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้าอย่างถูกต้อง ทำให้คนไข้สามารถไว้วางใจได้ในเรื่องของคุณภาพ นอกจากนี้ ทีมแพทย์ของเรายังเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาแก่คนไข้ เพราะรู้จักกายวิภาคและสรีระของใบหน้ากับร่างกายเป็นอย่างดี จึงสามารถชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่คนไข้ควรได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด รวมถึงประเมินแนวทางการรักษาได้อย่างเหมาะสม

ทีมแพทย์ของ KKC Clinic มีความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน เทคนิคที่เราใช้จะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นธรรมชาติและน่าพึงพอใจ โดยเฉพาะเทคนิค ‘Asian MD Codes’ ที่ใช้สำหรับการฉีดยกกระชับและปรับรูปหน้า เห็นได้จากรีวิวการฉีดฟิลเลอร์จำนวนมากจากคนไข้จริง และเรายังเป็นคลินิกที่จัดตั้งอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองมาตรฐาน รวมถึงมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงทำให้ KKC Clinic เป็นคลินิกที่ลูกค้าเชื่อมั่นและไว้วางใจในการมาใช้บริการเสมอมา

คำถามที่พบบ่อย

การฉีดฟิลเลอร์ดีไหม?

การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ เพราะช่วยแก้ไขปัญหาได้หลากหลาย มีข้อดีเยอะ และมีความปลอดภัยสูงค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม?

ขณะฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ก็จะมีการแปะยาชาและประคบเย็นเพื่อช่วยลดความเจ็บปวด ทั้งนี้ ในฟิลเลอร์บางรุ่น บางยี่ห้อ จะมีการผสมยาชาอยู่ด้วยค่ะ

หลังฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลและเข้าที่ในกี่วัน?

หลังฉีดฟิลเลอร์จะสามารถเห็นผลได้ทันทีค่ะ โดยจะเข้าที่ใน 2 – 3 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

หลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง?

หลัก ๆ แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการบวมช้ำมาก และเพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์สลายไปไว ก็ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ งดกินอาหารดิบ อาหารหมักดอง อาหารรสจัด และอาหารที่ต้องอยู่หน้าเตาร้อน ๆ ค่ะ รวมถึงวิตามินและอาหารเสริมบางประเภทที่ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดนะคะ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามกับแพทย์ได้ค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์แล้วจะอยู่ได้นานไหม?

หลังฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 6 – 24 เดือนค่ะ ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของฟิลเลอร์ เทคนิคการฉีดของแพทย์ และการดูแลตัวเองของคนไข้ค่ะ

ฟิลเลอร์สามารถสลายได้หมดไหม?

ฟิลเลอร์สามารถสลายได้หมด 100% ค่ะ ไม่ทิ้งสารตกค้าง

ถ้าฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่ชอบ สามารถฉีดสลายได้ไหม?

ถ้าฉีดแล้วไม่ชอบ สามารถใช้สาร Hyaluronidase ในการฉีดสลายได้ค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์ไม่อันตรายค่ะ หากเลือกฉีดกับคลินิกที่ตรงตามหลักเกณฑ์ที่ได้กล่าวมา อย่างที่ KKC Clinic นะคะ

สรุปเรื่องการฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่เป็น HA ค่ะ สามารถใช้ฉีดตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้าและร่างกาย เพื่อเติมเต็ม เพิ่มวอลลุ่ม ลดริ้วรอย ร่องลึก ยกกระชับ ปรับรูปหน้า สร้างกรอบหน้าให้คมชัด รวมถึงปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้น ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์มีข้อดีคือเห็นผลทันที ไม่มีรอยแผลเป็น และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่การจะฉีดให้ปลอดภัย ต้องเลือกฉีดกับคลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์แท้ ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และผ่านการรับรองมาตรฐานอย่างที่ KKC Clinic นะคะ ถ้าคนไข้สนใจจะฉีดฟิลเลอร์ ก็สามารถมาเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ของเราก่อนได้ในทุกสาขาค่ะ