การฉีดโบท็อกซ์หางตาเพื่อแก้ปัญหารอยตีนกา

ผู้หญิงกำลังรับการฉีดโบท็อกซ์โดยหลับตา สวมผ้าคาดศีรษะสีขาว มีข้อความโปรโมทการลดริ้วรอยรอบดวงตา

การฉีดโบท็อกซ์หางตา เป็นอีกหนึ่งหัตถการยอดนิยมที่ใช้จัดการกับรอยตีนกาที่ทำให้หน้าของเราดูแก่หรือดูโทรม เพราะนอกจากจะเป็นวิธีการที่มีความปลอดภัยแล้ว การฉีดโบท็อกซ์หางตายังใช้เวลาทำไม่นาน, มีขั้นตอนที่ง่ายและรวดเร็ว, เจ็บตัวน้อย, หลังทำไม่ต้องพักฟื้น, มีวิธีการดูแลตัวเองที่ไม่ยุ่งยาก รวมถึงให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงอย่างเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานหลายเดือน

ผลลัพธ์ที่ได้อาจขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

โบท็อกซ์หางตาคืออะไร?

หลาย ๆ ท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การฉีดโบท็อกซ์หางตาจะช่วยลดรอยตีนกาได้ ดังนั้น ก่อนที่เราจะไปดูว่าโบท็อกซ์หางตาคืออะไร เราก็ควรมาทำความรู้จักกับรอยตีนกากันก่อนค่ะ

ตีนกา (Crow’s Feet) คือริ้วรอยที่อยู่บริเวณหางตา มีลักษณะเป็นรอยพับหรือรอยย่น เป็นเส้นขีดเล็ก ๆ หลาย ๆ เส้น เรียงกันคล้ายรอยเท้าของอีกา จึงเรียกกันว่า ‘รอยตีนกา’ ทำให้การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยที่หางตา บางครั้งก็เรียกกันว่าโบท็อกซ์ตีนกาค่ะ ซึ่งรอยตีนกานี้จะเห็นได้ชัดขึ้นเวลาที่เราขยับใบหน้า เช่น เวลาที่เรายิ้มหรือหัวเราะ

โดยตีนกาสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ค่ะ

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น: อายุที่เพิ่มมากขึ้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยตีนกาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินที่ทำให้ผิวยืดหยุ่นก็จะลดน้อยลง ส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพ ขาดความแข็งแรง และเกิดเป็นรอยตีนกาได้ง่าย
  • การขยับใบหน้า: เมื่อเราแสดงอารมณ์หรือแสดงสีหน้าแบบเดิมซ้ำ ๆ เช่น ยิ้มหรือหยีตา ก็จะทำให้ผิวถูกพับ และเกิดเป็นรอยตีนกาเหลือทิ้งไว้ได้ โดยเฉพาะหากผิวของเราไม่ยืดหยุ่นและไม่แข็งแรง
  • ปัจจัยภายนอก: แสงแดดและมลภาวะ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้งเสีย หมองคล้ำ และอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นริ้วรอยได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาที่มีผิวบอบบาง
  • พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม: การขยี้ตาบ่อย ๆ, การพักผ่อนน้อย, การสูบบุหรี่ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวถูกทำร้าย เมื่อผิวไม่แข็งแรงและเสื่อมสภาพ ก็จะทำให้เกิดเป็นรอยตีนกาได้ในทางอ้อม  

สรุปคือ รอยตีนกาไม่ได้มีสาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นแค่เพียงอย่างเดียว ทำให้คนวัยหนุ่ม – สาวก็สามารถมีรอยตีนกาได้เช่นกัน ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย หรือทำให้หน้าโทรม ดูไม่สดใส ดังนั้น การฉีดโบท็อกซ์หางตาจึงเป็นหัตถการสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ และทำให้ใบหน้ายังคงดูอ่อนเยาว์

โบท็อกซ์หางตา (Crow’s Feet Botox) คือการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) เข้าไปที่บริเวณหางตา เพื่อช่วยลดรอยพับและรอยย่นบริเวณหางตา หรือที่เรียกกันว่ารอยตีนกา ซึ่งมักจะทำควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อกซ์ใต้ตา เพื่อลดริ้วรอยและรอยย่นบริเวณใต้ตา ทำให้ผิวรอบดวงตาโดยรวมตึงขึ้น ดวงตาจึงดูสดใสขึ้น

ทั้งนี้ เรายังสามารถฉีดโบท็อกซ์ยกหางตา เพื่อให้หางตายกขึ้นและแก้ปัญหาหางตาตก หรือฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว เพื่อให้คิ้วยกขึ้นและแก้ปัญหาคิ้วตกได้อีกด้วยค่ะ

โบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหางตาได้ยังไง?

ผู้ชายยิ้มขณะผู้เชี่ยวชาญสวมถุงมือกำลังมาร์คบริเวณรอบดวงตาด้วยปากการะหว่างการปรึกษาการฉีดโบท็อกซ์ โดยสวมหมวกคลุมผมแบบใช้แล้วทิ้ง

หลักการทำงานของโบท็อกซ์หางตาคือ เมื่อเราฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณหางตา โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหางตาทำงานลดลงชั่วคราว หรือก็คือทำให้กล้ามเนื้อไม่หดตัว เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว เวลาที่เราขยับใบหน้าเพื่อแสดงสีหน้าหรือแสดงอารมณ์ ผิวบริเวณหางตาก็จะไม่ถูกพับจนเกิดเป็นริ้วรอย ส่งผลให้รอยตีนกาจางลง ผิวมีความตึงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดรอยตีนกาลึก ๆ หรือรอยตีนกาถาวรในอนาคตได้ด้วยค่ะ

โบท็อกซ์หางตาเหมาะกับใคร?

การฉีดโบท็อกซ์หางตาจะเหมาะและไม่เหมาะกับคนในกลุ่มต่อไปนี้ค่ะ

คนที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์หางตา

  • คนที่มีริ้วรอยบริเวณหางตา หรือมีรอยตีนกาเมื่อแสดงสีหน้า รวมถึงริ้วรอยหรือรอยย่นรอบดวงตา
  • คนที่ต้องการป้องกันการเกิดรอยตีนกาลึก ๆ รวมถึงรอยตีนกาถาวรในอนาคต
  • คนที่ต้องการลดรอยตีนกาอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องการรอผลลัพธ์จากการทาครีมบำรุง
  • คนที่ไม่ต้องการหรือไม่เหมาะกับวิธีการลดรอยตีนกาโดยการผ่าตัดดึงหางตา หรือการผ่าตัดดึงหน้า เช่น ไม่อยากเจ็บตัวเยอะ, ไม่อยากเสียเวลาพักฟื้น, มีโรคประจำตัวที่คุมอาการได้ไม่ดี

คนที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์หางตา

  • คุณแม่ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • คนที่มีโรคประจำตัวบางโรค เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • คนที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีดโบท็อกซ์มีปัญหา เช่น ผิวหนังกำลังอักเสบหรือติดเชื้อ
  • คนที่แพ้โบท็อกซ์

ถ้ายังไม่แน่ใจว่าการฉีดโบท็อกซ์หางตาจะเหมาะกับคุณหรือไม่? คุณสามารถจองรับคำปรึกษากับเราฟรี เพื่อรับแผนการรักษาจากการประเมินของแพทย์ ที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์หางตา

ผู้ชายกำลังรับการฉีดโบท็อกซ์ นอนหลับตา โดยมีผู้เชี่ยวชาญสวมถุงมือกำลังประคบน้ำแข็งบริเวณแก้ม

ที่จริงแล้ว การฉีดโบท็อกซ์หางตาจะมีขั้นตอนหลัก ๆ เหมือนกับการฉีดโบท็อกซ์ทั่วไป ดังนี้ค่ะ

  • เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์ปัญหาและสภาพผิวกับโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ พร้อมออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ เช่น ควรฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหน, ในปริมาณเท่าไหร่, ที่ตำแหน่งใดบ้าง 
  • คนไข้แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์ เช่น โรคประจำตัว, ยาที่แพ้, ยาที่ทานเป็นประจำ
  • เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์หางตา
    • ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดผิวให้คนไข้
    • ผู้ช่วยแพทย์แปะยาชา
    • แพทย์แกะกล่องโบท็อกซ์ให้คนไข้ดู เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นโบท็อกซ์ของใหม่และของแท้
    • แพทย์ผสมโบท็อกซ์กับน้ำเกลือ และใช้เข็มดูดตัวยาออกมาจนหมดขวด
    • แพทย์เริ่มฉีดโบท็อกซ์ตามจุดที่กำหนดไว้ ซึ่งจะมีการประคบเย็นเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดให้คนไข้ไปด้วย ทั้งนี้ หากเป็นแค่การฉีดโบท็อกซ์หางตาและรอบดวงตา ก็จะใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาทีค่ะ

ภายหลังจากที่ฉีดโบท็อกซ์หางตาเสร็จแล้ว คนไข้อาจมีอาการบวมแดงหรือรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นในไม่กี่ชั่วโมง และหายไปเองในที่สุด ทั้งนี้ หากไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น คนไข้ก็สามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เลยค่ะ ไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องปฏิบัติตัวตามวิธีการดูแลตัวเองที่จะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไปนะคะ

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์หางตา

เพื่อให้ผลลัพธ์ภายหลังการรักษามีประสิทธิภาพและอยู่ได้นาน คนไข้ก็ควรปฏิบัติตัวตามวิธีการดูแลตัวเองภายหลังการฉีดโบท็อกซ์หางตาดังนี้ค่ะ

  • หลังฉีดโบท็อกซ์ ให้ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที 1 – 2 ครั้ง เพื่อให้ตัวยาถูกดูดซึมเข้าไปให้ได้มากที่สุด
  • งดจับ, ลูบคลำ, นวดในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ 
  • งดนอนราบอย่างน้อย 3 – 4 ชม. ไม่ควรให้ศีรษะอยู่ต่ำกว่าหัวใจ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชม.
  • หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ, ซาวน่า, เลเซอร์, ทำ RF ประมาณ 2 สัปดาห์
  • ไม่ใช้งานดวงตาหนักจนเกินไป หากใช้สายตาติดต่อกันนาน ๆ ควรหมั่นพักสายตาเป็นระยะ
  • ไม่ขยี้ตาบ่อย ๆ หรือเช็ดถูรอบดวงตาแรง ๆ
  • หมั่นสวมแว่นกันแดดและทาครีมกันแดดเป็นประจำ
  • งดสูบบุหรี่
  • ดื่มน้ำมาก ๆ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อกซ์หางตา

แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์หางตาจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยที่สามารถพบได้เป็นปกติค่ะ เช่น อาการบวมแดงหรือรอยซ้ำ ซึ่งจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป

สิ่งที่สำคัญคือ คนไข้ต้องมั่นใจนะคะว่าได้ฉีดโบท็อกซ์ที่เป็นของแท้ ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และฉีดในคลินิกที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน เพราะหากคนไข้ฉีดโบท็อกซ์ของปลอม ฉีดกับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ หรือฉีดในคลินิกที่ไม่สะอาดเพียงพอ ก็อาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ค่ะ เช่น แพ้โบท็อกซ์ที่เป็นของปลอม, ตาแข็งหรือหนังตาตกจากการฉีดโบท็อกซ์หางตามากเกินไป, บริเวณที่ฉีดเกิดการอักเสบ – ติดเชื้อ

โบท็อกซ์หางตากี่วันเห็นผล?

ผู้หญิงกำลังรับการฉีดโบท็อกซ์บริเวณรอบดวงตา สวมผ้าคาดศีรษะสีขาวที่มีแบรนด์ KKC โดยมีผู้เชี่ยวชาญสวมถุงมือกำลังฉีดยา

การฉีดโบท็อกซ์หางตาจะเริ่มเห็นผลใน 2 – 3 วันค่ะ โดยจะเริ่มรู้สึกตึง ๆ ในบริเวณหางตาที่ฉีดโบท็อกซ์เข้าไป และจะเห็นผลเต็มที่ภายในประมาณ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลนะคะ

โบท็อกซ์หางตาอยู่ได้นานแค่ไหน?

ตามปกติแล้ว โบท็อกซ์หางตาจะอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือนค่ะ ซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้, ปริมาณของโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไป รวมถึงการดูแลตัวเองของคนไข้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ หากคนไข้ฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้ว แต่ยังมีพฤติกรรมทำร้ายผิว เช่น ขยี้ตาแรง ๆ บ่อย ๆ, ตากแดดจัด ๆ เป็นประจำ หรือสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะทำให้ระยะเวลาของผลลัพธ์ลดลงค่ะ

นอกจากนี้ เพื่อคงผลลัพธ์ภายหลังการรักษา ก็แนะนำให้คนไข้กลับมาฉีดโบท็อกซ์หางตาซ้ำทุก ๆ 3 – 4 เดือนนะคะ จะช่วยป้องกันไม่ให้รอยตีนกากลับมาค่ะ

โบท็อกซ์หางตาใช้กี่ยูนิต?

กล่องสีน้ำเงินของ Xeomin โบทูลินัมท็อกซินชนิด A วางอยู่บนพื้นผิวหินอ่อนข้างถาดโลหะ แสดงรายละเอียดผลิตภัณฑ์และคิวอาร์โค้ดบนบรรจุภัณฑ์

ปริมาณของโบท็อกซ์ที่ต้องใช้ในการฉีดแต่ละครั้ง จะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์นะคะ โดยแพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น จำนวนรอยตีนกาที่คนไข้มี ว่าเยอะหรือน้อยแค่ไหน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว การฉีดโบท็อกซ์หางตาที่ KKC Clinic จะใช้ประมาณ 15 – 20 ยูนิตค่ะ

โบท็อกซ์หางตาราคาเท่าไหร่?

การฉีดโบท็อกซ์หางตาที่ KKC Clinic จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3,000 บาทค่ะ โดยราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อและปริมาณของโบท็อกซ์ที่ใช้ โดยคนไข้จะทราบจำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้หลังจากเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษานะคะ

คุณสามารถจองรับคำปรึกษากับเราฟรี เพื่อรับใบเสนอราคาที่จัดเตรียมมาให้เหมาะกับเป้าหมายและแผนการรักษาของคุณโดยเฉพาะ

การฉีดโบท็อกซ์หางตาอันตรายไหม?

ผู้ชายกำลังนั่งบนเก้าอี้รักษา มีผ้าห่ม KKC คลุมตัว ถือกระจกในมือ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในชุดคลุมสีขาวและสวมถุงมือกำลังแสดงกล่อง Xeomin ให้ดู

ที่จริงแล้ว การฉีดโบท็อกซ์หางตา นับว่าเป็นหัตถการหนึ่งที่มีความปลอดภัยมากค่ะ แต่อันตรายจากการฉีดโบท็อกซ์ลดรอยตีนกาที่มักจะพบได้บ่อย ๆ เกิดจากการที่คนไข้ไปฉีดโบท็อกซ์กับหมอกระเป๋าค่ะ ซึ่งทำให้โบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปเป็นของปลอม และเมื่อคนที่ฉีดไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะฉีดในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หากฉีดมากเกินไปก็จะทำให้ตาแข็ง หนังตาตก หรือหากฉีดผิดตำแหน่งก็อาจจะไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น ทำให้หนังตาตกได้เช่นกันค่ะ

ดังนั้น การจะฉีดโบท็อกซ์หางตาให้ปลอดภัย คนไข้จะต้องมั่นใจก่อนว่า คลินิกที่เราเลือกไปฉีดโบท็อกซ์ด้วยนั้น เป็นคลินิกที่ใช้โบท็อกซ์ของแท้ ทำการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถคำนวณปริมาณโบท็อกซ์ที่ต้องใช้ และฉีดลงไปตามแต่ละตำแหน่งที่กำหนดไว้ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงอุปกรณ์และสถานที่ที่ใช้ในการฉีดโบท็อกซ์มีความสะอาดเพียงพอ เหมือนที่ KKC Clinic นะคะ

โปรแกรมการรักษาอื่น ๆ

ผู้หญิงกำลังรับการดูแลผิวหน้าด้วยอุปกรณ์มือถือ ใบหน้ามีเซรั่มเปล่งประกาย หลับตา และสวมผ้าคาดศีรษะสีขาว

นอกจากการฉีดโบท็อกซ์หางตาแล้ว ก็ยังมีโปรแกรมการรักษาอื่น ๆ ที่จะช่วยลดรอยตีนกา และปรับปรุงดวงตาในภาพรวมให้ดูสดใสขึ้นได้ ดังนี้ค่ะ

  • ฟิลเลอร์ (Filler): การฉีดฟิลเลอร์จะเหมาะกับคนที่มีตีนกาลึก ๆ ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของกระดูก หรือเกิดจากไขมันหายไป จึงต้องใช้การฉีดฟิลเลอร์เสริมเข้าไปในผิวชั้นลึก เพื่อพยุงผิวเอาไว้ และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยค่ะ ซึ่งจะสามารถทำควบคู่ไปกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้นะคะ
  • Sylfirm X Plus: Sylfirm X Plus มีหัวที่สามารถใช้ยิงรอบดวงตาได้ ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอยและรอยย่นในบริเวณนี้ค่ะ
  • Thermage: Thermage จะมีหัวยิงที่เป็น Eye Shots สำหรับการทำบริเวณรอบดวงตาโดยเฉพาะ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดรอยตีนกาเท่านั้น แต่ยังช่วยลดริ้วรอยและรอยย่นรอบดวงตา, แก้ปัญหาหนังตาตก และยกกระชับผิวรอบดวงตาที่หย่อนคล้อยได้ด้วยค่ะ
  • Ultherapy: Ultherapy และ Ultherapy Prime ต่างก็เป็นโปรแกรมที่ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหางตา, ใต้ตา และรอบดวงตาได้ค่ะ อีกทั้งยังช่วยยกหางตา, ยกคิ้ว และลดถุงใต้ตาได้อีกด้วย
  • HIFU: การทำ HIFU ด้วยเครื่อง Hybrid V-Lift จะสามารถลดเลือนริ้วรอยและร่องต่าง ๆ บริเวณรอบดวงตาและใต้ตาได้ค่ะ อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก, หางตาตก, และคิ้วตกได้อีกด้วย
  • Panda Eye: Panda Eye เป็นโปรแกรมทำทรีตเมนต์รอบดวงตาของ KKC Clinic ค่ะ ซึ่งจะเน้นที่การลดความหมองคล้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ดวงตาดูสดใส อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตาได้ด้วย

ฉีดโบท็อกซ์หางตาที่ไหนดี?

หากต้องการฉีดโบท็อกซ์หางตาหรือโบท็อกซ์ตีนกาให้ได้ผลดี และมีความปลอดภัย ก็ขอแนะนำให้คนไข้มาฉีดโบท็อกซ์ที่ KKC Clinic นะคะ เพราะที่ KKC Clinic

  • เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดโบท็อกซ์ อีกทั้งทีมแพทย์ของเรายังสามารถนำเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่เรียกว่า Asian MD Codes มาประยุกต์ใช้ในการทำโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์ร่วมด้วย
  • เราใช้แต่โบท็อกซ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน มีการขนส่งและจัดเก็บอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพของตัวยาไว้ได้
  • เราเป็นคลินิกที่พร้อมไปด้วยตัวยาใหม่ ๆ และเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งทำให้การรักษากับเราได้ผลลัพธ์ดี และมีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล
  • การฉีดโบท็อกซ์กับเรา นอกจากจะมีความปลอดภัยแล้ว ยังทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและน่าพึงพอใจ เห็นได้จากรีวิวการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยจากคนไข้ที่มาใช้บริการในหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังกลุ้มใจกับรอยตีนกาที่ทำให้หน้าดูโทรมและไม่สดใส ก็สามารถทำนัดหมายเพื่อพบแพทย์กับ KKC Clinic ได้แล้ววันนี้ เพื่อค้นหาโปรแกรมการรักษาที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูสดใสและเด็กลงกว่าเดิมได้ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ