การฉีดโบท็อกซ์หางตาเพื่อแก้ปัญหารอยตีนกา

การฉีดโบท็อกซ์หางตา เป็นอีกหนึ่งหัตถการยอดนิยมที่ใช้จัดการกับรอยตีนกาที่ทำให้หน้าของเราดูแก่หรือดูโทรม เพราะนอกจากจะเป็นวิธีการที่มีความปลอดภัยแล้ว การฉีดโบท็อกซ์หางตายังใช้เวลาทำไม่นาน, มีขั้นตอนที่ง่ายและรวดเร็ว, เจ็บตัวน้อย, หลังทำไม่ต้องพักฟื้น, มีวิธีการดูแลตัวเองที่ไม่ยุ่งยาก รวมถึงให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงอย่างเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานหลายเดือน
ผลลัพธ์ที่ได้อาจขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
โบท็อกซ์หางตาคืออะไร?
หลาย ๆ ท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การฉีดโบท็อกซ์หางตาจะช่วยลดรอยตีนกาได้ ดังนั้น ก่อนที่เราจะไปดูว่าโบท็อกซ์หางตาคืออะไร เราก็ควรมาทำความรู้จักกับรอยตีนกากันก่อนค่ะ
ตีนกา (Crow’s Feet) คือริ้วรอยที่อยู่บริเวณหางตา มีลักษณะเป็นรอยพับหรือรอยย่น เป็นเส้นขีดเล็ก ๆ หลาย ๆ เส้น เรียงกันคล้ายรอยเท้าของอีกา จึงเรียกกันว่า ‘รอยตีนกา’ ทำให้การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยที่หางตา บางครั้งก็เรียกกันว่าโบท็อกซ์ตีนกาค่ะ ซึ่งรอยตีนกานี้จะเห็นได้ชัดขึ้นเวลาที่เราขยับใบหน้า เช่น เวลาที่เรายิ้มหรือหัวเราะ
โดยตีนกาสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ค่ะ
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น: อายุที่เพิ่มมากขึ้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยตีนกาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินที่ทำให้ผิวยืดหยุ่นก็จะลดน้อยลง ส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพ ขาดความแข็งแรง และเกิดเป็นรอยตีนกาได้ง่าย
- การขยับใบหน้า: เมื่อเราแสดงอารมณ์หรือแสดงสีหน้าแบบเดิมซ้ำ ๆ เช่น ยิ้มหรือหยีตา ก็จะทำให้ผิวถูกพับ และเกิดเป็นรอยตีนกาเหลือทิ้งไว้ได้ โดยเฉพาะหากผิวของเราไม่ยืดหยุ่นและไม่แข็งแรง
- ปัจจัยภายนอก: แสงแดดและมลภาวะ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวแห้งเสีย หมองคล้ำ และอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นริ้วรอยได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาที่มีผิวบอบบาง
- พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม: การขยี้ตาบ่อย ๆ, การพักผ่อนน้อย, การสูบบุหรี่ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวถูกทำร้าย เมื่อผิวไม่แข็งแรงและเสื่อมสภาพ ก็จะทำให้เกิดเป็นรอยตีนกาได้ในทางอ้อม
สรุปคือ รอยตีนกาไม่ได้มีสาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นแค่เพียงอย่างเดียว ทำให้คนวัยหนุ่ม – สาวก็สามารถมีรอยตีนกาได้เช่นกัน ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย หรือทำให้หน้าโทรม ดูไม่สดใส ดังนั้น การฉีดโบท็อกซ์หางตาจึงเป็นหัตถการสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ และทำให้ใบหน้ายังคงดูอ่อนเยาว์
โบท็อกซ์หางตา (Crow’s Feet Botox) คือการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) เข้าไปที่บริเวณหางตา เพื่อช่วยลดรอยพับและรอยย่นบริเวณหางตา หรือที่เรียกกันว่ารอยตีนกา ซึ่งมักจะทำควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อกซ์ใต้ตา เพื่อลดริ้วรอยและรอยย่นบริเวณใต้ตา ทำให้ผิวรอบดวงตาโดยรวมตึงขึ้น ดวงตาจึงดูสดใสขึ้น
ทั้งนี้ เรายังสามารถฉีดโบท็อกซ์ยกหางตา เพื่อให้หางตายกขึ้นและแก้ปัญหาหางตาตก หรือฉีดโบท็อกซ์ยกคิ้ว เพื่อให้คิ้วยกขึ้นและแก้ปัญหาคิ้วตกได้อีกด้วยค่ะ
โบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหางตาได้ยังไง?
หลักการทำงานของโบท็อกซ์หางตาคือ เมื่อเราฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณหางตา โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหางตาทำงานลดลงชั่วคราว หรือก็คือทำให้กล้ามเนื้อไม่หดตัว เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว เวลาที่เราขยับใบหน้าเพื่อแสดงสีหน้าหรือแสดงอารมณ์ ผิวบริเวณหางตาก็จะไม่ถูกพับจนเกิดเป็นริ้วรอย ส่งผลให้รอยตีนกาจางลง ผิวมีความตึงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดรอยตีนกาลึก ๆ หรือรอยตีนกาถาวรในอนาคตได้ด้วยค่ะ
โบท็อกซ์หางตาเหมาะกับใคร?
การฉีดโบท็อกซ์หางตาจะเหมาะและไม่เหมาะกับคนในกลุ่มต่อไปนี้ค่ะ
คนที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์หางตา
- คนที่มีริ้วรอยบริเวณหางตา หรือมีรอยตีนกาเมื่อแสดงสีหน้า รวมถึงริ้วรอยหรือรอยย่นรอบดวงตา
- คนที่ต้องการป้องกันการเกิดรอยตีนกาลึก ๆ รวมถึงรอยตีนกาถาวรในอนาคต
- คนที่ต้องการลดรอยตีนกาอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องการรอผลลัพธ์จากการทาครีมบำรุง
- คนที่ไม่ต้องการหรือไม่เหมาะกับวิธีการลดรอยตีนกาโดยการผ่าตัดดึงหางตา หรือการผ่าตัดดึงหน้า เช่น ไม่อยากเจ็บตัวเยอะ, ไม่อยากเสียเวลาพักฟื้น, มีโรคประจำตัวที่คุมอาการได้ไม่ดี
คนที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์หางตา
- คุณแม่ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- คนที่มีโรคประจำตัวบางโรค เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- คนที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีดโบท็อกซ์มีปัญหา เช่น ผิวหนังกำลังอักเสบหรือติดเชื้อ
- คนที่แพ้โบท็อกซ์
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าการฉีดโบท็อกซ์หางตาจะเหมาะกับคุณหรือไม่? คุณสามารถจองรับคำปรึกษากับเราฟรี เพื่อรับแผนการรักษาจากการประเมินของแพทย์ ที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์หางตา
ที่จริงแล้ว การฉีดโบท็อกซ์หางตาจะมีขั้นตอนหลัก ๆ เหมือนกับการฉีดโบท็อกซ์ทั่วไป ดังนี้ค่ะ
- เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์ปัญหาและสภาพผิวกับโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ พร้อมออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ เช่น ควรฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหน, ในปริมาณเท่าไหร่, ที่ตำแหน่งใดบ้าง
- คนไข้แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์ เช่น โรคประจำตัว, ยาที่แพ้, ยาที่ทานเป็นประจำ
- เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์หางตา
- ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดผิวให้คนไข้
- ผู้ช่วยแพทย์แปะยาชา
- แพทย์แกะกล่องโบท็อกซ์ให้คนไข้ดู เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นโบท็อกซ์ของใหม่และของแท้
- แพทย์ผสมโบท็อกซ์กับน้ำเกลือ และใช้เข็มดูดตัวยาออกมาจนหมดขวด
- แพทย์เริ่มฉีดโบท็อกซ์ตามจุดที่กำหนดไว้ ซึ่งจะมีการประคบเย็นเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดให้คนไข้ไปด้วย ทั้งนี้ หากเป็นแค่การฉีดโบท็อกซ์หางตาและรอบดวงตา ก็จะใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาทีค่ะ
ภายหลังจากที่ฉีดโบท็อกซ์หางตาเสร็จแล้ว คนไข้อาจมีอาการบวมแดงหรือรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นในไม่กี่ชั่วโมง และหายไปเองในที่สุด ทั้งนี้ หากไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น คนไข้ก็สามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เลยค่ะ ไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องปฏิบัติตัวตามวิธีการดูแลตัวเองที่จะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไปนะคะ
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์หางตา
เพื่อให้ผลลัพธ์ภายหลังการรักษามีประสิทธิภาพและอยู่ได้นาน คนไข้ก็ควรปฏิบัติตัวตามวิธีการดูแลตัวเองภายหลังการฉีดโบท็อกซ์หางตาดังนี้ค่ะ
- หลังฉีดโบท็อกซ์ ให้ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที 1 – 2 ครั้ง เพื่อให้ตัวยาถูกดูดซึมเข้าไปให้ได้มากที่สุด
- งดจับ, ลูบคลำ, นวดในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์
- งดนอนราบอย่างน้อย 3 – 4 ชม. ไม่ควรให้ศีรษะอยู่ต่ำกว่าหัวใจ
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชม.
- หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ, ซาวน่า, เลเซอร์, ทำ RF ประมาณ 2 สัปดาห์
- ไม่ใช้งานดวงตาหนักจนเกินไป หากใช้สายตาติดต่อกันนาน ๆ ควรหมั่นพักสายตาเป็นระยะ
- ไม่ขยี้ตาบ่อย ๆ หรือเช็ดถูรอบดวงตาแรง ๆ
- หมั่นสวมแว่นกันแดดและทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- งดสูบบุหรี่
- ดื่มน้ำมาก ๆ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อกซ์หางตา
แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์หางตาจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยที่สามารถพบได้เป็นปกติค่ะ เช่น อาการบวมแดงหรือรอยซ้ำ ซึ่งจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป
สิ่งที่สำคัญคือ คนไข้ต้องมั่นใจนะคะว่าได้ฉีดโบท็อกซ์ที่เป็นของแท้ ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และฉีดในคลินิกที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน เพราะหากคนไข้ฉีดโบท็อกซ์ของปลอม ฉีดกับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ หรือฉีดในคลินิกที่ไม่สะอาดเพียงพอ ก็อาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ค่ะ เช่น แพ้โบท็อกซ์ที่เป็นของปลอม, ตาแข็งหรือหนังตาตกจากการฉีดโบท็อกซ์หางตามากเกินไป, บริเวณที่ฉีดเกิดการอักเสบ – ติดเชื้อ
โบท็อกซ์หางตากี่วันเห็นผล?
การฉีดโบท็อกซ์หางตาจะเริ่มเห็นผลใน 2 – 3 วันค่ะ โดยจะเริ่มรู้สึกตึง ๆ ในบริเวณหางตาที่ฉีดโบท็อกซ์เข้าไป และจะเห็นผลเต็มที่ภายในประมาณ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลนะคะ
โบท็อกซ์หางตาอยู่ได้นานแค่ไหน?
ตามปกติแล้ว โบท็อกซ์หางตาจะอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือนค่ะ ซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้, ปริมาณของโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไป รวมถึงการดูแลตัวเองของคนไข้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ หากคนไข้ฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้ว แต่ยังมีพฤติกรรมทำร้ายผิว เช่น ขยี้ตาแรง ๆ บ่อย ๆ, ตากแดดจัด ๆ เป็นประจำ หรือสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะทำให้ระยะเวลาของผลลัพธ์ลดลงค่ะ
นอกจากนี้ เพื่อคงผลลัพธ์ภายหลังการรักษา ก็แนะนำให้คนไข้กลับมาฉีดโบท็อกซ์หางตาซ้ำทุก ๆ 3 – 4 เดือนนะคะ จะช่วยป้องกันไม่ให้รอยตีนกากลับมาค่ะ
โบท็อกซ์หางตาใช้กี่ยูนิต?
ปริมาณของโบท็อกซ์ที่ต้องใช้ในการฉีดแต่ละครั้ง จะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์นะคะ โดยแพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น จำนวนรอยตีนกาที่คนไข้มี ว่าเยอะหรือน้อยแค่ไหน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว การฉีดโบท็อกซ์หางตาที่ KKC Clinic จะใช้ประมาณ 15 – 20 ยูนิตค่ะ
โบท็อกซ์หางตาราคาเท่าไหร่?
การฉีดโบท็อกซ์หางตาที่ KKC Clinic จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3,000 บาทค่ะ โดยราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อและปริมาณของโบท็อกซ์ที่ใช้ โดยคนไข้จะทราบจำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้หลังจากเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษานะคะ
คุณสามารถจองรับคำปรึกษากับเราฟรี เพื่อรับใบเสนอราคาที่จัดเตรียมมาให้เหมาะกับเป้าหมายและแผนการรักษาของคุณโดยเฉพาะ
การฉีดโบท็อกซ์หางตาอันตรายไหม?
ที่จริงแล้ว การฉีดโบท็อกซ์หางตา นับว่าเป็นหัตถการหนึ่งที่มีความปลอดภัยมากค่ะ แต่อันตรายจากการฉีดโบท็อกซ์ลดรอยตีนกาที่มักจะพบได้บ่อย ๆ เกิดจากการที่คนไข้ไปฉีดโบท็อกซ์กับหมอกระเป๋าค่ะ ซึ่งทำให้โบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปเป็นของปลอม และเมื่อคนที่ฉีดไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะฉีดในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หากฉีดมากเกินไปก็จะทำให้ตาแข็ง หนังตาตก หรือหากฉีดผิดตำแหน่งก็อาจจะไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น ทำให้หนังตาตกได้เช่นกันค่ะ
ดังนั้น การจะฉีดโบท็อกซ์หางตาให้ปลอดภัย คนไข้จะต้องมั่นใจก่อนว่า คลินิกที่เราเลือกไปฉีดโบท็อกซ์ด้วยนั้น เป็นคลินิกที่ใช้โบท็อกซ์ของแท้ ทำการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถคำนวณปริมาณโบท็อกซ์ที่ต้องใช้ และฉีดลงไปตามแต่ละตำแหน่งที่กำหนดไว้ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงอุปกรณ์และสถานที่ที่ใช้ในการฉีดโบท็อกซ์มีความสะอาดเพียงพอ เหมือนที่ KKC Clinic นะคะ
โปรแกรมการรักษาอื่น ๆ
นอกจากการฉีดโบท็อกซ์หางตาแล้ว ก็ยังมีโปรแกรมการรักษาอื่น ๆ ที่จะช่วยลดรอยตีนกา และปรับปรุงดวงตาในภาพรวมให้ดูสดใสขึ้นได้ ดังนี้ค่ะ
- ฟิลเลอร์ (Filler): การฉีดฟิลเลอร์จะเหมาะกับคนที่มีตีนกาลึก ๆ ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของกระดูก หรือเกิดจากไขมันหายไป จึงต้องใช้การฉีดฟิลเลอร์เสริมเข้าไปในผิวชั้นลึก เพื่อพยุงผิวเอาไว้ และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยค่ะ ซึ่งจะสามารถทำควบคู่ไปกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้นะคะ
- Sylfirm X Plus: Sylfirm X Plus มีหัวที่สามารถใช้ยิงรอบดวงตาได้ ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอยและรอยย่นในบริเวณนี้ค่ะ
- Thermage: Thermage จะมีหัวยิงที่เป็น Eye Shots สำหรับการทำบริเวณรอบดวงตาโดยเฉพาะ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดรอยตีนกาเท่านั้น แต่ยังช่วยลดริ้วรอยและรอยย่นรอบดวงตา, แก้ปัญหาหนังตาตก และยกกระชับผิวรอบดวงตาที่หย่อนคล้อยได้ด้วยค่ะ
- Ultherapy: Ultherapy และ Ultherapy Prime ต่างก็เป็นโปรแกรมที่ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหางตา, ใต้ตา และรอบดวงตาได้ค่ะ อีกทั้งยังช่วยยกหางตา, ยกคิ้ว และลดถุงใต้ตาได้อีกด้วย
- HIFU: การทำ HIFU ด้วยเครื่อง Hybrid V-Lift จะสามารถลดเลือนริ้วรอยและร่องต่าง ๆ บริเวณรอบดวงตาและใต้ตาได้ค่ะ อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก, หางตาตก, และคิ้วตกได้อีกด้วย
- Panda Eye: Panda Eye เป็นโปรแกรมทำทรีตเมนต์รอบดวงตาของ KKC Clinic ค่ะ ซึ่งจะเน้นที่การลดความหมองคล้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ดวงตาดูสดใส อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตาได้ด้วย
ฉีดโบท็อกซ์หางตาที่ไหนดี?
หากต้องการฉีดโบท็อกซ์หางตาหรือโบท็อกซ์ตีนกาให้ได้ผลดี และมีความปลอดภัย ก็ขอแนะนำให้คนไข้มาฉีดโบท็อกซ์ที่ KKC Clinic นะคะ เพราะที่ KKC Clinic
- เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดโบท็อกซ์ อีกทั้งทีมแพทย์ของเรายังสามารถนำเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่เรียกว่า Asian MD Codes มาประยุกต์ใช้ในการทำโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์ร่วมด้วย
- เราใช้แต่โบท็อกซ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน มีการขนส่งและจัดเก็บอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพของตัวยาไว้ได้
- เราเป็นคลินิกที่พร้อมไปด้วยตัวยาใหม่ ๆ และเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งทำให้การรักษากับเราได้ผลลัพธ์ดี และมีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล
- การฉีดโบท็อกซ์กับเรา นอกจากจะมีความปลอดภัยแล้ว ยังทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและน่าพึงพอใจ เห็นได้จากรีวิวการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยจากคนไข้ที่มาใช้บริการในหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังกลุ้มใจกับรอยตีนกาที่ทำให้หน้าดูโทรมและไม่สดใส ก็สามารถทำนัดหมายเพื่อพบแพทย์กับ KKC Clinic ได้แล้ววันนี้ เพื่อค้นหาโปรแกรมการรักษาที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูสดใสและเด็กลงกว่าเดิมได้ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ