ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย KKC Clinic แก้ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

ผู้หญิงสาวกำลังแตะใบหน้าของเธอ โดยมีแว่นขยายขยายให้เห็นริ้วรอยบนใบหน้า โปรโมทการรักษาภาวะแก่ก่อนวัยที่ KKC Clinic

‘หน้าแก่ก่อนวัย’ หรือ ‘หน้าแก่เกินวัย’ ไม่ว่าจะเป็นคำไหนก็ฟังแล้วชวนปวดใจทั้งนั้นเลยใช่มั้ยคะ? ในความเป็นจริงแล้ว การที่ใบหน้าแก่ลงถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น แต่การมีหน้าแก่ก่อนวัยหรือหน้าแก่เกินวัยนั้นเป็นเกิดจากปัจจัยและสาเหตุหลายอย่าง แท้จริงแล้วหน้าแก่ก่อนวัยเกิดจากอะไร? วิธีการดูแลตัวเองไม่ให้หน้าแก่ต้องทำยังไง? รวมถึงถ้าหน้าแก่กว่าวัยไปแล้วควรทำยังไงดี? หรือมีวิธีทำยังไงให้หน้าเด็กลง? มาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้ค่ะ

หน้าแก่ก่อนวัยเป็นยังไง?

ภาพเปรียบเทียบใบหน้าครึ่งหนึ่งของหญิงสาวที่มีผิวเรียบเนียน กับอีกครึ่งหนึ่งของหญิงสูงวัยที่มีริ้วรอยลึก แสดงให้เห็นถึงผลของการชราภาพ

ถ้าจะให้แปลความหมายอย่างตรงไปตรงมา หน้าแก่ก่อนวัยก็คือการมีใบหน้าที่ดูแก่กว่าอายุจริง เช่น  อายุจริงของเราคือ 30 แต่ดันโดนทักว่าหน้าเหมือนคนอายุ 40 ซะอย่างนั้น ซึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าเรามีหน้าแก่ก่อนวัยมีดังนี้

  • หน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยในบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอยตีนกาที่หางตา ใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมากที่มุมปาก
  • ผิวหน้าแห้งกร้าน บาง ไวต่อแสง และผิวหนังเหี่ยวย่น
  • หน้ามีฝ้า กระ จุดด่างดำ หมองคล้ำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • หนังตาตก มีถุงใต้ตา แก้มตอบ ใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับและเต่งตึง
  • รูขุมขนกว้าง ผิวเสื่อมสภาพ

เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น?

หลาย ๆ คนคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่า สาเหตุหลักที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ถ้าอย่างนั้น ทุกคนเคยสงสัยกันมั้ยคะว่า “เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเราเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น?”

โครงสร้างใบหน้าประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ กระดูกของใบหน้า (กะโหลก) กล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ไขมันเด็ก (baby fat) และผิวหนัง

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ส่วนประกอบหลัก 4 อย่างนี้จะเปลี่ยนไป โดยใบหน้าในช่วงอายุ 35 ปี จะมีกระดูกที่ยังไม่สึกกร่อน ไขมันยังเต็มดีอยู่ แต่พออายุ 45 ปี กระดูกก็จะเริ่มกร่อน โดยจะเริ่มจากรอบดวงตาก่อน ทำให้เบ้าตาลึกลง รวมถึงไขมันเองก็เริ่มหายไป ทำให้เริ่มเห็นเป็นร่องใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมากได้ชัดมากขึ้น และเมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป กระดูกก็จะกร่อนมาก ไล่ตั้งแต่รอบดวงตาลงมา ส่วนสันกราม (jawline)  ก็จะไม่คมชัดเหมือนเดิม ไขมันหายไปมากขึ้น ทำให้เห็นเป็นริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ชัดเจน

ดังนั้น หากให้ไล่ตามลำดับ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น สิ่งแรกที่ทุกคนต้องเจอคือกล้ามเนื้อหย่อน ทำให้เส้นเอ็นหย่อน จากนั้นกระดูกก็จะกร่อน ไขมันก็จะหายไป รวมถึงการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพ ใบหน้าจึงหย่อนคล้อยและตกลงมา รวมถึงมีริ้วรอยเหี่ยวย่นและร่องลึกต่าง ๆ นั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย

ผู้หญิงนั่งบนเตียงในห้องที่มีแสงสลัว ถือหมอนบนตักด้วยมือข้างหนึ่งและแตะหน้าผากด้วยมืออีกข้าง ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดหรือเหนื่อยล้า

หน้าแก่ก่อนวัยมีสาเหตุมาจากทั้งปัจจัยภายในร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ เช่น อายุที่เพิ่มมากขึ้น และปัจจัยภายนอกร่างกายที่ควบคุมได้ เช่น พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นตัวการร้ายที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย หรือทำให้หน้าเหี่ยวก่อนวัยทั้งสิ้น เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าปัจจัยเหล่านี้มีอะไรบ้าง

ปัจจัยภายในร่างกายที่ควบคุมไม่ได้

  • อายุเพิ่มมากขึ้น: อย่างที่ได้อธิบายไปในหัวข้อที่แล้ว เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้โครงสร้างของใบหน้าเปลี่ยนแปลงไป และยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ร่างกายก็จะยิ่งผลิตสารต่าง ๆ ที่ช่วยคงความอ่อนเยาว์ได้น้อยลงเท่านั้น ตัวอย่างเช่น คอลลาเจน อีลาสติน กรดไฮยาลูรอนิก ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารที่ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง และช่วยให้หน้าดูเด็กนั่นเอง 
  • กรรมพันธุ์: พันธุกรรมที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ส่งผลให้แต่ละคนมีปัจจัยที่กระตุ้นให้หน้าแก่ก่อนวัยแตกต่างกันไปด้วย ตัวอย่างง่าย ๆ ที่สามารถเห็นได้ชัดคือ คนที่มีผิวขาวก็จะเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าคนที่มีผิวเข้ม เพราะคนที่มีผิวเข้มจะมีเม็ดสี (เมลานิน) ในการปกป้องผิวจากรังสี UV มากกว่า
  • ความเครียด: เวลาที่เรารู้สึกเครียด เรามักจะเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ทำให้กล้ามเนื้อต้องหดเกร็งอยู่ตลอด จนเกิดเป็นรอยย่นบริเวณระหว่างคิ้ว นอกจากนี้ ฮอร์โมนแห่งความเครียดที่ถูกหลั่งออกมาเป็นจำนวนมากจะก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ และยังทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจนกับอีลาสตินอีกด้วย

ปัจจัยภายนอกร่างกายที่ควบคุมได้

  • ไม่ทาครีมกันแดด: หลาย ๆ คนมักจะขี้เกียจทาครีมกันแดด เพราไม่รู้ว่าที่จริงแล้วรังสี UV ในแสงแดดไม่ได้แค่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และผิวหมองคล้ำเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดริ้วรอยด้วยเช่นกัน เพราะแสงแดดสามารถทำให้คอลลาเจนในผิวถูกทำลาย และก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ รวมถึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนดึกเป็นประจำก็นับเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมสำคัญที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย เพราะขณะที่เรานอนหลับในตอนกลางคืน ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอออกมา นอกจากนี้ การที่เราพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียด ซึ่งส่งผลให้สารต้านอนุมูลอิสระถูกทำลาย
  • สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายได้รับสารเคมีที่เป็นพิษ ซึ่งนอกจากจะทำลายสุขภาพแล้ว ยังไปลดปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ เร่งให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ทำให้ร่างกายขาดน้ำและขาดความชุ่มชื้น จึงทำให้ผิวแห้ง เกิดรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย ส่งผลให้หน้าโทรมและดูแก่ก่อนวัย
  • ทานอาหารบางประเภท: อาหารบางประเภทสามารถก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มขึ้น เช่น อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว อาหารแปรรูป ขนมหวาน ของมันและของทอด เพราะน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวที่มากเกินไปจะทำให้เกิดปฏิกิริยา Glycation ในร่างกาย ซึ่งทำให้เซลล์มีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง หรืออาจถึงขั้นทำให้เซลล์ตายได้
  • ดื่มน้ำน้อย: การดื่มน้ำจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวนุ่ม อิ่มฟู และเต่งตึง ดังนั้น หากเราดื่มน้ำน้อยหรือปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ ร่างกายก็จะส่งสัญญาณออกมาเป็นผิวที่แห้งกร้าน เป็นขุย ขาดความชุ่มชื้น ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย
  • ละเลยการดูแลตัวเอง: การแต่งหน้าจัด ๆ เป็นประจำโดยไม่ปล่อยให้ผิวได้พัก การไม่ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจนทำให้รูขุมขนอุดตัน การออกไปเผชิญหน้ากับฝุ่นควันและมลภาวะแล้วปล่อยให้มีสิ่งสกปรกตกค้างบนใบหน้า ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยทั้งสิ้น นอกจากนี้ การไม่ดูแลตัวเองยังรวมไปถึงการไม่ทาครีมและปล่อยให้ผิวขาดการบำรุงด้วยเช่นกัน

เคล็ดลับในการดูแลผิวหน้าเพื่อไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัย

ผู้หญิงปิดตาทาครีมเล็กน้อยที่แก้ม ยิ้มอย่างอ่อนโยน ขณะที่มืออยู่ใกล้ใบหน้า

เมื่อเราได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยแล้ว เราก็จะรู้แล้วว่าควรหลีกเลี่ยงปัจจัยอะไรและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมยังไงเพื่อป้องกันไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัย รวมถึงช่วยคงความหน้าเด็กไว้ให้เหมือนเดิม โดยเราจะมาขยายความวิธีการดูแลรักษาและบำรุงผิวหน้ากันในหัวข้อนี้ค่ะ

  • ทาครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงการโดนแดด: หมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปกป้องผิวหน้าจากรังสี UV รวมถึงหลีกเลี่ยงการให้ใบหน้าโดนแดดหรือตากแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน ใส่หมวกหรือกางร่มเมื่อต้องออกไปกลางแจ้ง ก็จะช่วยไม่ให้แสงแดดทำร้ายผิวจนหน้าแก่ก่อนวัยได้
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: พยายามอย่าเข้านอนดึกมากจนเกินไป โดยเวลาที่เหมาะสมกับการเข้านอนคือก่อน 4 ทุ่ม และควรนอนหลับให้ได้ประมาณ 7 – 8 ชม.ต่อวัน เพื่อให้ผิวหน้าและร่างกายได้พักผ่อน รวมถึงได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์มีแต่ผลเสียต่อผิวและร่างกาย ดังนั้น การเลิกสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยป้องกันไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัย
  • ผ่อนคลายความเครียด: แน่นอนว่าความเครียดเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราก็ควรพยายามลดความเครียดให้ได้มากที่สุด หรือหากิจกรรมยามว่างทำเพื่อผ่อนคลายความเครียด รวมถึงทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์: ลดการทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว อาหารแปรรูป ขนมหวาน ของมันและของทอด เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน พยายามเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักและผลไม้ รวมถึงทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในทุกทุกวัน ก็จะช่วยชะลอไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัยได้
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ควรดื่มน้ำเปล่าประมาณ 8 – 12 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยให้ร่างกายได้ขับถ่ายของเสียและเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งซึ่งจะทำให้หน้าดูแก่ก่อนวัย
  • ไม่นอนคว่ำหน้าหรือนอนตะแคง: พยายามหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าหรือนอนตะแคง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าเสียดสีกับหมอน จนทำให้เกิดเป็นริ้วรอยที่จะทำให้หน้าดูแก่ก่อนวัย
  • ดูแลตัวเอง: หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าจัด ๆ เป็นประจำ ล้างเครื่องสำอางให้สะอาดทุกครั้งหลังแต่งหน้า ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งอย่างถูกวิธี ไม่ถูหรือเช็ดหน้าแรง ๆ พยายามไม่ออกไปอยู่ในที่ที่มีฝุ่นควันและมลภาวะ ทาครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิวก่อนทาครีมกันแดดในตอนเช้า และทาครีมบำรุงทุกคืนก่อนเข้านอน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง หากดูแลตัวเองด้วยวิธีเบื้องต้นที่กล่าวมานี้ได้ ก็จะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัย

ถ้าหน้าแก่ก่อนวัยไปแล้ว จะมีวิธีทำยังไงให้หน้าเด็กลง?

สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยก็ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะในปัจจุบันมีหัตถการทางการแพทย์หลากหลายวิธีที่จะช่วยลดรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ และช่วยให้ใบหน้ากลับมาดูเด็กอีกครั้ง ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่เห็นผลดีและเห็นผลอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ที่ KKC Clinic เรามีวิธีการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย ใบหน้าหย่อนคล้อย หน้าเหี่ยว รวมถึงริ้วรอยและร่องลึก โดยที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัด ดังนี้

Ultherapy

ผู้หญิงกำลังรับการรักษาด้วย Ultherapy บนใบหน้าที่ KKC Clinic ขณะนอนอยู่และสวมที่คาดผมสีขาวที่มีโลโก้ของคลินิก

Ultherapy คือหัตถการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย โดยใช้เครื่องยกกระชับที่มีชื่อว่า Ulthera SPT ซึ่งทำงานโดยการปล่อยคลื่นเสียง (Ultrasound) ลงไปยังผิวหนังชั้น SMAS ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ผิวจึงยกกระชับ เต่งตึง และเรียบเนียนขึ้น แก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยและริ้วรอยต่าง ๆ รวมถึงช่วยให้มีกรอบหน้าที่ชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

Thermage

ผู้หญิงกำลังรับการรักษาด้วย Thermage ที่แก้มที่ KKC Clinic ขณะนอนอยู่และสวมที่คาดผมสีขาวที่มีโลโก้ของคลินิก

Thermage คือหัตถการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย โดยใช้เครื่องยกกระชับที่มีชื่อว่า Thermage FLX ซึ่งทำงานโดยการปล่อยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency – RF) ลงไปยังผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่และทำให้คอลลาเจนเรียงตัวเป็นระเบียบมากขึ้น ใบหน้าจึงยกกระชับและเต่งตึงขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง รวมถึงยังช่วยในการสลายไขมันและทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นได้อีกด้วย

ฟิลเลอร์

ผู้หญิงกำลังรับการฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกขณะนอนอยู่ที่ KKC Clinic โดยสวมที่คาดผมสีขาวที่มีโลโก้ของคลินิก

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คือหัตถการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย โดยการฉีดสารเติมเต็มที่เป็นกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) เข้าไปในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า ซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องของการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกแล้ว ยังเป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกหน้า แก้ปัญหาหน้าตกจากโครงสร้างหน้าที่เปลี่ยนไปเพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้น และยังช่วยในเรื่องของการปรับรูปหน้าได้อีกด้วย นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวชุ่มชื้น เต่งตึง อิ่มฟู ยืดหยุ่น และมีคุณภาพดี จึงทำให้ใบหน้าดูเด็กลงได้นั่นเอง

ที่ KKC Clinic เราใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่มีชื่อเรียกว่า Asian MD Codes ซึ่งเป็นเทคนิคที่เกิดจากการผสานเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์แบบ MD Codes ให้เข้ากับโครงหน้า ปัญหา และสไตล์ความชอบของคนเอเชีย รวมถึงมีการใช้สารอื่น ๆ เช่น Botox ในการฉีดเพื่อดึงหน้าร่วมด้วย ทำให้ผลลัพธ์ของใบหน้าที่ได้มีความละมุนมากขึ้น และเป็นมาตรฐานเดียวกันไม่ว่าจะฉีดกับแพทย์ท่านใด

โบท็อกซ์

ผู้หญิงกำลังรับการฉีดโบท็อกซ์บริเวณกรามที่ KKC Clinic โดยสวมที่คาดผมสีขาวที่มีโลโก้ของคลินิก

การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) คือหัตถการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย โดยการฉีดสาร Botulinum Toxin เข้าไปในกล้ามเนื้อ ซึ่งโบท็อกซ์จะไปลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว จึงทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ ลดเลือนลง กรอบหน้ายกกระชับและเรียวชัดมากขึ้น นอกจากนี้ เรายังสามารถฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ฉีดเพื่อลดเหงื่อ และฉีดเพื่อให้กล้ามแขนและน่องเล็กลงได้อีกด้วย

ร้อยไหม

ผู้หญิงกำลังรับการรักษาร้อยไหมบนใบหน้าที่ KKC Clinic โดยมีบุคลากรทางการแพทย์สอดไหมใต้ผิวหนัง ขณะที่เธอสวมผ้าคลุมสีเขียว

การร้อยไหม (Thread Lift) คือหัตถการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย โดยการใช้ไหมที่มีเงี่ยงร้อยเข้าไปในผิวหนังชั้น SMAS เมื่อแพทย์ทำการดึงไหม เงี่ยงของไหมก็จะไปเกี่ยวให้ผิวถูกดึงขึ้นตามทิศทางที่สอดไหมเข้าไป ดังนั้น การร้อยไหมจึงทำให้ผิวยกกระชับและตึงขึ้น แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าให้เรียวใกล้เคียง V Shape และทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น นอกจากนี้ เส้นไหมยังมีคุณสมบัติที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน  ทำให้ผิวใสขึ้น เต่งตึง อิ่มฟู ดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอ ใบหน้าจึงดูเด็กลง

Radiesse

ผู้หญิงกำลังรับการฉีด Radiesse ที่แก้มที่ KKC Clinic ขณะนอนอยู่และสวมที่คาดผมสีขาวที่มีโลโก้ของคลินิก

Radiesse คือหัตถการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย โดยการฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินที่มีส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) และกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) เข้าไปในผิว ซึ่งจะช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นจากภายใน เปลี่ยนผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้มีความกระชับและเต่งตึง เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ รวมถึงทำให้ใบหน้าชุ่มชื้นและเรียบเนียนมากขึ้น

นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีการพัฒนาจาก Radiesse ธรรมดาให้กลายเป็น Radiesse Plus หรือ Radiesse (+) ที่มีส่วนประกอบเป็นยาชาเพิ่มเข้ามา ทำให้เนื้อเจลมีความหนืดและคงตัวสูง ช่วยปรับโครงหน้าให้คมชัดมากขึ้นทันที

Sculptra

ผู้หญิงกำลังรับการฉีด Sculptra ที่จมูกที่ KKC Clinic ขณะนอนอยู่และสวมที่คาดผมสีขาวที่มีโลโก้ของคลินิก

Sculptra คือหัตถการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย โดยการฉีดสารกลุ่ม Collagen Biostimulator ซึ่งประกอบด้วย Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ที่โดดเด่นในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 ซึ่งการฉีด Sculptra จะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก ยกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวเหี่ยวย่น ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น และไม่เรียบเนียน รวมถึงยังเพิ่มความกระจ่างใสและความยืดหยุ่นให้ผิว ลดริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ได้อีกด้วย

Emface

ผู้หญิงนอนอยู่โดยมีแผ่น Emface ติดอยู่ที่หน้าผากและแก้มระหว่างการทำทรีทเมนต์ใบหน้าแบบไม่รุกรานที่ KKC Clinic

Emface คือหัตถการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย โดยใช้เครื่องยกกระชับที่มีชื่อว่า Emface ซึ่งทำงานด้วยเทคโนโลยี HIFEM โดยการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลงไปยังชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง สามารถพยุงใบหน้าไว้ได้ ใบหน้าจึงยกกระชับขึ้น นอกจากนี้ เครื่อง Emface ยังปล่อยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency – RF) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน สลายไขมัน รวมถึงลดเลือนริ้วรอย จึงช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลง

Intra 4D

ผู้หญิงกำลังรับการรักษา Intra 4D บนใบหน้าขณะนอนอยู่ที่ KKC Clinic โดยสวมที่คาดผมสีขาวที่มีโลโก้ของคลินิก

Intra 4D คือหัตถการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย โดยใช้เครื่องยกกระชับที่มีชื่อว่า Monopolar RF ซึ่งทำงานด้วยเทคโนโลยี Grid Type RF โดยการปล่อยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency – RF) ออกมาในรูปแบบของตาข่าย ทำให้ความร้อนกระจายลงสู่ผิวหนัง ไม่กระจุกตัว ไม่ก่อให้เกิดบาดแผลทั้งภายในและภายนอก ช่วยแก้ปัญหาหน้าเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อย ช่วยในเรื่องของการยกกระชับ สลายไขมัน ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้นและเรียวขึ้น รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอย

Hybrid V-Lift

ผู้รับการรักษา Hybrid V Lift บนใบหน้าด้วยอุปกรณ์ Jeisys ที่ KKC Clinic โดยสวมที่คาดผมสีขาวที่มีโลโก้ของคลินิก

Hybrid V-Lift คือหัตถการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย โดยใช้เครื่องยกกระชับที่ปล่อยพลังงานในรูปแบบ Dot และ Linear ซึ่งจะช่วยในการยกกระชับผิว ปรับกรอบหน้าให้คมชัดแบบ V Line รวมถึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอย